วันนี้ (29 เมษายน) เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผ่านสำนักข่าว CNBC ว่า แรงกดดันทางการเมืองจะไม่สามารถบีบบังคับให้ ธปท. เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยอย่างไม่เป็นอิสระ
“เรื่องนี้พิสูจน์ให้เห็นได้จากผลลัพธ์” เศรษฐพุฒิกล่าว เพราะแม้ว่าจะมีเสียงเรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง แต่ ธปท. ไม่ได้ตัดสินใจบนคำเรียกร้องนั้น และยังสามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระ
“ผมคิดว่ากรอบธรรมาภิบาลในการกำกับดูแลในเรื่องนี้ค่อนข้างชัดเจน การตัดสินใจที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่ามีพื้นฐานมาจากการที่เราเห็นว่าเหมาะสมที่สุดสำหรับเศรษฐกิจ มากกว่าการพิจารณาที่จะช่วยลดแรงกดดันทางการเมืองหรือแรงกดดันอื่นๆ”
ล่าสุด ธปท. ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยไว้ที่ 2.5% สำหรับการประชุมในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในขณะที่กำลังเผชิญแรงกดดันจากฝั่งรัฐบาลที่อยากจะให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แสดงออกถึงความกังวลต่อการก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้นของภาคครัวเรือนและให้ความสำคัญกับการลดอัตราส่วนหนี้ลง
ถ้อยแถลงของ กนง. ระบุว่า หนี้คงค้างในระดับสูงสามารถเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาวได้ โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่ช่วยสร้างรายได้ในอนาคตหรือเพิ่มพูนความมั่งคั่ง
เศรษฐพุฒิกล่าวต่อว่า ถือเป็นความยากสำหรับ ธปท. ในการสร้างสมดุลระหว่างการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอควบคู่ไปกับการดำเนินนโยบายการเงิน
“หากพิจารณาถึงสาเหตุที่ทำให้การเติบโตชะลอตัวลง ปัจจัยหลักไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมีนัยสำคัญกับอัตราดอกเบี้ย” เศรษฐพุฒิกล่าว
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันเป็นระดับที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับความพยายามที่จะลดภาระหนี้อย่างเป็นระบบ โดยเป็นการสร้างสมดุลเพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มภาระหนี้ให้กับครัวเรือนมากเกินไป ขณะเดียวกันก็ไม่ได้กระตุ้นให้ประชาชนก่อหนี้เพิ่มด้วยเช่นกัน
เศรษฐพุฒิกล่าวว่า แม้แรงกดดันจากเงินเฟ้อจะลดลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ มองว่า “เราเห็นเงินเฟ้อค่อยๆ เพิ่มขึ้นอีกครั้ง และค่อยๆ กลับเข้าสู่เป้าหมายของเราที่ 1-3% ภายในสิ้นปีนี้”
ปัจจัยเชิงโครงสร้างทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน สิ่งสำคัญคือการเพิ่มประสิทธิผลในขณะที่ประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายของโครงสร้างประชากร โดยเฉพาะจำนวนแรงงานที่กำลังลดลง
เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญที่มากขึ้นกับการลงทุนภาครัฐมากกว่าการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
“ผมคิดว่าสิ่งสำคัญคือการให้ความสำคัญกับการลดกฎระเบียบบางส่วน รวมถึงการส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ”
อ้างอิง: