วันนี้ (27 เมษายน) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส. บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี 1/1 ว่า หากมีการปรับจริง ตนมองว่าใช้ระยะเวลานานพอสมควร เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ใช้ระยะเวลานานขนาดนี้ และตนก็เชื่อว่าคนที่ติดตามการเมืองมานานก็น่าจะรู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร ส่วนตัวเห็นใจนายกรัฐมนตรี เพราะในบางรัฐบาลอำนาจไม่ได้อยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นต้องใช้ระยะเวลาในการบริหารจัดการให้จบ แต่ในฐานะที่ตนเป็นฝ่ายค้าน ก็ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลต่อไป
เมื่อถามว่า การปรับ ครม. ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยสุดท้ายต้องไปผ่านคนบางคน เพื่อนำรายชื่อไปให้ดู จุรินทร์กล่าวว่า ไม่ต้องมองว่าฝ่ายค้านจะมองอย่างไรในเรื่องนี้ เพราะคนทั้งประเทศจับตาดูอยู่ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย
“เมื่อรัฐบาลเกิดมาอย่างนี้ ก็ต้องเป็นไปอย่างนี้ประจำ มันไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย” จุรินทร์กล่าว
จุรินทร์ยังกล่าวถึงกรณีนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทของรัฐบาลว่า สถานการณ์ ณ ตอนนี้ก็กลับไปในจุดเดิมคือตอนเริ่มต้น เหมือนตอนที่ประกาศว่าจะกู้เงิน 5 แสนล้านบาท ครั้งนี้ก็ยังเห็นว่าคลุมเครือ แม้จะมีมติ ครม. เห็นชอบในหลักการ แต่ไม่ได้มีอะไรใหม่ ซึ่งรายละเอียดที่ต้องมีการพิจารณานั่นคือหัวใจสำคัญ
จุรินทร์กล่าวอีกว่า แต่ถึงขณะนี้กระทรวงการคลังก็ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ขณะเดียวกันเห็นว่าผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ มีความรู้ด้านการเงินการคลังของประเทศจำนวนไม่น้อยมาแสดงความเห็นถึงความหมิ่นเหม่ต่อข้อกฎหมาย หากว่ารัฐบาลต้องการให้เกิดความชัดเจนก็สามารถทำได้ เช่น การส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อวินิจฉัย
ส่วนตัวไม่ทราบเหตุผลว่าเหตุใดต้องยื้อเวลาในการส่งกฤษฎีกา โดยเปรียบว่าเหมือนเดินอยู่บนเส้นด้าย เพราะความชัดเจนในข้อกฎหมายยังคงถกเถียงกันอยู่ ประชาชนก็รอด้วยความหวังที่สุดท้ายแล้วจะจริงหรือไม่ ทั้งนี้ เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลจะต้องทำ เมื่อหาเสียงแล้ว ได้คะแนนเสียงจากประชาชน ก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้มา แต่ก็ต้องทำให้ถูกกฎหมาย และคุ้มค่ากับประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่คุ้มค่าแค่พรรคการเมือง