วันนี้ (22 เมษายน) ความคืบหน้าจากสถานการณ์สู้รบระหว่างสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) นำกองกำลังฝ่ายต่อต้าน รวมทั้งกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) องค์กรป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNDO) และกองกำลังประชาชน (PDFs) ปะทะกับกองบัญชาการตะวันออกเฉียงใต้ของกองทัพเมียนมา มีรายงานว่ากองกำลังฝ่ายต่อต้านได้โจมตีกองทัพเมียนมาต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
ล่าสุดเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา มีชาวเมียนมาที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากข้ามมาเขตไทยเพื่อขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัยช่วยนำส่งโรงพยาบาลแม่สอด
ด้าน นพ.รเมศ ว่องวิไลรัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแม่สอด ประกาศแผนฉุกเฉินระดับ 5 สูงสุด โดยเตรียมเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ทุกฝ่าย รวมทั้งรถฉุกเฉินเครือข่ายนับสิบคัน ช่วยเหลือชาวเมียนมาที่ได้รับบาดเจ็บมาจำนวนมากโดยไม่แยกแยะผู้ได้รับบาดเจ็บว่าเป็นฝ่ายต่อต้าน ฝ่ายทหารเมียนมา หรือประชาชน ถือว่าเป็นผู้ป่วยโรงพยาบาลทั้งสิ้น และดูแลตามหลักมนุษยธรรม
โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยเข้ามายังพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวจังหวัดตากจำนวน 5 แห่ง รวมทั้งหมด 3,027 คน เป็นชาย 1,128 คน หญิง 1,118 คน และเด็ก 781 คน
ซึ่งวันนี้โรงพยาบาลได้รับผู้บาดเจ็บชาวเมียนมาจากบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 เข้ารับการรักษา รวม 32 คน เป็นผู้ป่วยอาการหนักสีแดง 8 คน อาการปานกลางสีเหลือง 17 คน และอาการเล็กน้อยสีเขียว 7 คน โดยโรงพยาบาลแม่สอดมีแผนเตรียมการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่แล้ว
ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบดังกล่าว คาดว่าจะมีผู้หนีภัยเข้ามาเพิ่มขึ้น กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง รวมทั้งประสานหน่วยงานเอกชน (NGO) ที่พร้อมให้การช่วยเหลือดูแลผู้หนีภัยที่เข้ามายังพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวตามหลักมนุษยธรรม โดยจัดทีมบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขคัดกรองและเฝ้าระวังโรคติดต่อ เช่น โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ ป้องกันควบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลง เช่น มาลาเรีย ตั้งจุดปฐมพยาบาลดูแลสุขภาพ และตรวจสุขาภิบาลน้ำดื่มน้ำใช้ พร้อมทั้งมีแผนเตรียมการด้านบุคลากร ยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้พร้อมรองรับสถานการณ์