×

วิเคราะห์เทคนิคโจมตีของอิหร่าน อาวุธที่เลือกใช้ และระบบป้องกันของอิสราเอล

14.04.2024
  • LOADING...

ในที่สุดอิหร่านก็โจมตีแก้แค้นอิสราเอลตามที่กล่าวไว้จริงๆ โดยเป็นการใช้ทั้งโดรน ขีปนาวุธ และจรวดโจมตีต่อเป้าหมายทางทหารต่างๆ ในอิสราเอลกว่า 300 นัด

 

เทคนิคการโจมตีก็คือ อิหร่านปล่อยฝูงโดรนโจมตีเข้ามาก่อนจากทางตอนใต้ของเลบานอนโดยกลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งคาดว่าเป็นไปเพื่อทำให้อิสราเอลใช้จรวดต่อสู้อากาศยานให้หมด ก่อนที่จะโจมตีชุดใหญ่ในช่วงเช้าตรู่วันนี้ตามเวลาไทย (14 เมษายน) โดยอิหร่านให้โดรนบินขึ้นก่อน เนื่องจากโดรนบินได้ช้ากว่ามาก เมื่อเข้าระยะที่กำหนดไว้แล้วจึงยิงจรวดและขีปนาวุธออกมา โดยคำนวณให้ทั้งหมดกระทบเป้าหมายพร้อมๆ กัน เพื่อสร้างจำนวนที่มากกว่าให้ระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอลไม่สามารถรับมือได้ทัน

 

คาดกันว่าอิหร่านอาจใช้โดรน Shahed 136 ในการโจมตีครั้งนี้เช่นเดิม โดย Shahed 136 นั้นมีการใช้งานมากในสงครามยูเครน ซึ่งรัสเซียซื้อจากอิหร่านไปเป็นจำนวนมาก 

 

Shahed 136 มีราคาไม่แพง ตั้งแต่ไม่กี่แสนบาทถึงหลักล้านบาทเท่านั้น เพราะใช้เทคโนโลยีไม่ซับซ้อน แต่กลับกันสามารถบินได้ไกลกว่า 2,500 กิโลเมตร บรรจุหัวรบราว 50 กิโลกรัม ซึ่งก็ไม่มากนัก แต่ถ้าโดนเป้าหมายที่อ่อนไหวก็สามารถสร้างความเสียหายได้

 

ที่สำคัญก็คือ ฝูงโดรน Shahed 136 จะสร้างความสับสนให้กับระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอลในการเลือกเป้าหมาย โดยถ้าเลือกเป้าหมายเป็นการโจมตี Shahed 136 มากเกินไป ก็จะไม่เหลือจรวดหรือเกิดช่องว่างให้จรวดและขีปนาวุธที่มีขีดความสามารถสูงกว่าเข้าโจมตีเป้าหมายได้

 

จรวดและขีปนาวุธที่อิหร่านใช้โจมตีนั้นสามารถใช้รุ่นที่มีพิสัยในการยิงมากกว่า 1,000 กิโลเมตรได้ทั้งหมด เช่น Shahab-3 ที่มีพิสัยยิงไกล 2,000 กิโลเมตร ที่บรรจุหัวรบย่อยได้ 5 หัวรบ แต่ละหัวรบมีดินระเบิดราว 280 กิโลกรัม หรือ Haj Qasem ซึ่งมีพิสัยยิงไกล 1,400 กิโลเมตร บรรจุหัวรบ 500 กิโลกรัม ความเร็วในการเดินทางมัค 12 หรือ Sejjil ที่มีพิสัยยิงไกล 2,500 กิโลเมตร บรรจุหัวรบราว 1,000 กิโลกรัม หรือแม้แต่ Khorramshahr-4 ที่มีพิสัยในการยิง 2,000 กิโลเมตร บรรจุหัวรบหนักถึง 1,500 กิโลกรัม 

 

การยิงสามารถทำการยิงจากฐานยิงใกล้แนวชายแดนตะวันตกของอิหร่าน ซึ่งจรวดเหล่านี้ติดตั้งอยู่บนรถบรรทุกที่เคลื่อนที่ได้ง่าย ทำให้มีความได้เปรียบในการเลือกพื้นที่โจมตีค่อนข้างสูง ในทางกลับกันก็ถูกทำลายได้ยากเช่นกัน

 

ในส่วนของอิสราเอลนั้น กองทัพอิสราเอลแถลงว่าสามารถสกัดการโจมตีของอิหร่านได้เป็นส่วนใหญ่ มีเพียงส่วนน้อยที่หลุดลอดเข้าไปยังเป้าหมายซึ่งเป็นฐานทัพต่างๆ แต่โชคดีที่ไม่โดนจุดสำคัญ เพราะจรวดต้องบินเป็นระยะทางไกลจากอิหร่านกว่าจะถึงอิสราเอล และต้องข้ามน่านฟ้าทั้งซาอุดีอาระเบียและจอร์แดน ซึ่งทั้งสองประเทศแม้ไม่ได้เป็นมิตรกับอิสราเอลนัก แต่ก็ถือว่าอิหร่านเป็นศัตรูเช่นกัน จึงยิงสกัดได้จำนวนหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีกำลังสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่อยู่แล้วช่วยยิงสกัดด้วย จึงทำให้จรวดตกถึงเป้าหมายค่อนข้างน้อย

 

แน่นอนว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศหลักที่ใช้ในการรับมือคือ Iron Dome ที่อิสราเอลใช้งานเป็นหลักอยู่แล้ว โดยระบบมีขีดความสามารถในการสกัดกั้นทั้งลูกระเบิด ลูกปืนใหญ่ โดรน หรือจรวดที่บินเข้ามาในพื้นที่เป้าหมายได้เป็นจำนวนมาก แต่ Iron Dome เป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยใกล้คือ มีระยะยิงราว 70 กิโลเมตร ซึ่งหมายถึง Iron Dome จะเน้นการป้องกันในพื้นที่สุดท้ายมากกว่า

 

สำหรับการยิงสกัดตั้งแต่ระยะไกล สามารถใช้งานจรวด MIM-104 Patriot ซึ่งจัดหามาจากสหรัฐอเมริกาที่มีขีดความสามารถสูง และสามารถรับมือได้ทั้งเครื่องบินและจรวดที่เข้ามา หรือจรวดที่อิสราเอลผลิตขึ้นมาเองอย่าง David’s Sling และ Arrow ที่ถือเป็นจรวดที่มีขีดความสามารถสูง ซึ่งสามารถสกัดขีปนาวุธข้ามทวีปตั้งแต่ในชั้นบรรยากาศได้ นอกจากนั้นอิสราเอลยังสามารถใช้เครื่องบินรบบินขึ้น และใช้จรวดอากาศสู่อากาศทำลายในกรณีที่เป้าหมายเป็นจรวดร่อนที่บินได้ค่อนข้างช้า

 

การโจมตีในระลอกแรกของอิหร่านจบลงไปแล้ว ดังนั้นต้องจับตาต่อไปว่าจะเกิดการโจมตีระลอกใหม่หรือไม่ หรือจะกลายเป็นอิสราเอลโจมตีตอบโต้หรือไม่และใช้วิธีการใด ซึ่งเราต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป

 

ภาพ: AFP, Getty Images

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X