ณ เวลานี้หากภาพยนตร์เรื่องไหนมีชื่อของค่าย A24 แปะบนหน้าหนัง เชื่อว่าผู้ชมหลายคนคงจะไว้วางใจถึงคุณภาพของงานสร้างและเนื้อหาที่เราจะได้รับชมอย่างแน่นอน อย่างเช่นหลายผลงานก่อนหน้าของค่ายที่ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ชมและคว้ารางวัลจากเวทีสำคัญมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Moonlight (2016), Minari (2020), Everything Everywhere All at Once (2022) รวมถึง The Zone of Interest (2023) และ Love Lies Bleeding (2024) ที่เพิ่งเข้าฉายในบ้านเราเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
และตอนนี้ A24 กลับมาอีกครั้งกับภาพยนตร์สงครามฟอร์มยักษ์อย่าง Civil War ที่ใช้ทุนสร้างสูงที่สุดของค่ายถึง 50 ล้านดอลลาร์ พร้อมได้ Alex Garland ผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ไฟไซสุดล้ำอย่าง Ex Machina (2015) และ Annihilation (2018) มารับหน้าที่พาผู้ชมออกเดินทางสู่สหรัฐอเมริกาที่กำลังเผชิญกับสงครามกลางเมืองครั้งที่ 2
THE STANDARD POP รวบรวมเกร็ดน่าสนใจจาก Civil War มาให้ทุกคนได้อุ่นเครื่องก่อนตีตั๋วไปรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้พร้อมกันในวันที่ 11 เมษายนนี้ ในโรงภาพยนตร์
ขอต้อนรับสู่อนาคตอันใกล้ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดคิด
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในอนาคตอันใกล้ เมื่อประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาได้เกิดสงครามกลางเมืองครั้งที่ 2 ขึ้น และเป็นเหตุให้ประเทศถูกแบ่งออกเป็น 4 ฝ่าย ได้แก่ กองกำลังตะวันตกหรือ Western Forces ที่เป็นการรวมตัวกันของรัฐแคลิฟอร์เนียและเท็กซัส, Loyalist States ที่เป็นการรวมตัวกันของรัฐทางฝั่งตะวันออก, กลุ่มพันธมิตรฟลอริดา (Florida Alliance) ที่เป็นการรวมตัวกันระหว่าง โอคลาโฮมา, ลุยเซียนา และรัฐใกล้เคียง และ New People’s Army ที่เป็นการรวมตัวกันของรัฐในบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือ
กระทั่งวันหนึ่งสถานการณ์ดูจะรุนแรงขึ้น เมื่อกองกำลังตะวันตกได้วางแผนที่จะบุกโจมตีทำเนียบขาวเพื่อสังหารประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอมเผด็จการ (Nick Offerman) ที่กำลังจะดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 3 จึงเป็นเหตุให้นักข่าวภาคสนามทั้ง 4 คน ได้แก่ Lee (Kirsten Dunst) ตากล้องที่ถ่ายภาพสงครามมาแล้วมากมาย, Jessie (Cailee Spaeny) ช่างภาพมือใหม่ไฟแรง, Joel (Wagner Moura) นักข่าวที่ทำงานกับ Lee มายาวนาน และ Sammy (Stephen McKinley Henderson) นักข่าวอาวุโส ต้องออกเดินทางสู่ทำเนียบขาว เพื่อสัมภาษณ์ประธานาธิบดีและบันทึกภาพเหตุการณ์เกิดขึ้น
Alex Garland มือเขียนบทมือทอง สู่ผู้กำกับแนวไซไฟระทึกขวัญไอเดียเจ๋ง
แม้ว่า Alex Garland อาจไม่ได้มีผลงานการกำกับภาพยนตร์ออกมาบ่อยนัก แต่ชื่อของเขาเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะมือเขียนบทฝีมือเยี่ยม โดยเขาเริ่มต้นการเป็นนักเขียนจากการออกตีพิมพ์นิยายเรื่อง The Beach ในปี 1996 ซึ่งได้ถูกนำมาดัดแปลงเป็นฉบับภาพยนตร์ในปี 2000 พร้อมได้ Leonardo DiCaprio มารับบทนำ ก่อนที่เขาจะตีพิมพ์หนังสือเล่มที่ 2 ของตัวเองในชื่อ The Tesseract ตามมาในปี 1998
มาถึงผลงานที่ทำให้ชื่อของ Alex Garland กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางกับการรับหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์แนวไซไฟระทึกขวัญเรื่อง 28 Days Later (2002) ที่ได้ Cillian Murphy มารับบทนำ ซึ่งได้เสียงตอบรับที่ดีจากผู้ชมอย่างล้นหลาม จากนั้น Alex Garland ก็มีผลงานการเขียนบทภาพยนตร์และวิดีโอเกมชื่อดังตามมาอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Sunshine (2007), Dredd (2012) และวิดีโอเกมชื่อดังอย่าง DmC: Devil May Cry (2013)
จนในที่สุด Alex Garland ก็ได้ก้าวขึ้นมารับหน้าที่เขียนบทและนั่งแท่นผู้กำกับครั้งแรกในภาพยนตร์แนวไซไฟสุดล้ำอย่าง Ex Machina ที่ส่งให้ชื่อของเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ขณะที่ตัวภาพยนตร์ก็ได้รับรางวัลในสาขาวิชวลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยมมาได้สำเร็จ ตามมาด้วย Annihilation (2018), ซีรีส์ Devs (2020) ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy Awards ถึง 4 สาขา, ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง Men (2022) และล่าสุดกับภาพยนตร์สงครามสุดเข้มข้นอย่าง Civil War
ภาพยนตร์แนวโรดทริปที่บอกเล่าบาดแผลและความสูญเสียของสงคราม
Alex Garland เริ่มต้นเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ในช่วงปี 2020 ที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดยังคงรุนแรง ซึ่งการต้องกักตัวอยู่ในบ้านพักและการหยุดชะงักของโลกภายนอก บวกกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวและวิตกกังวลต่ออนาคตที่ไม่แน่ไม่นอน เขาจึงเริ่มจินตนาการถึงอนาคตอันใกล้ที่สังคมแตกแยกออกเป็นหลายฝ่ายและเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนธรรมดามากมาย
จนเกิดเป็นเรื่องราวของสงครามกลางเมืองที่มีมหาอำนาจอย่างอเมริกาเป็นฉากหลัง พร้อมกับเลือกที่จะไม่เจาะจงช่วงเวลาและบอกเล่าถึงภูมิหลังของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้ชมได้ปะติดปะต่อเรื่องราวด้วยตัวเอง
โดยบอกเล่าผ่านสายตาของนักข่าวภาคสนามกลุ่มเล็กๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพ่อของตัวเองที่เป็นนักวาดการ์ตูนล้อเลียนการเมือง และช่างภาพสงครามที่เขาชื่นชมอย่าง Elizabeth ‘Lee’ Miller และ Don McCullin เพื่อเป็นการยกย่องให้กับนักข่าวสงครามผู้เสี่ยงอันตรายเพื่อบันทึกและถ่ายทอดความโหดร้ายของสงครามให้โลกได้รับรู้
แม้ว่าในตัวอย่างเราจะได้เห็นงานสร้างอันน่าตื่นตาและฉากแอ็กชันสุดระทึก แต่เป้าหมายสำคัญของ Alex Garland คือการสร้างภาพยนตร์ต่อต้านสงครามที่พาผู้ชมไปสำรวจความโหดร้ายและความแหลกสลายท่ามกลางเขม่าควันและเสียงกระสุนปืน เช่นเดียวกับผลงานระดับขึ้นหิ้งที่เขาชื่นชอบอย่าง Paths of Glory (1957) ของผู้กำกับ Stanley Kubrick และ Apocalypse Now (1979) ของผู้กำกับ Francis Ford Coppola
โดย Alex Garland เลือกใช้การเล่าเรื่องแบบภาพยนตร์แนวโรดทริปที่ผู้ชมจะได้ติดตามการเดินทางของนักข่าวภาคสนาม 4 คนที่ได้พบเจอกับผู้คนที่ได้รับผลกระทบในระหว่างทาง ไปพร้อมกับการฉายภาพทิวทัศน์ของอเมริกาที่ทุกคนคุ้นตา แต่ถูกห้อมล้อมไปด้วยเศษซากของการต่อสู้และความสูญเสีย
ด้าน Kirsten Dunst หนึ่งในนักแสดงนำ ได้เล่าถึงบทบาทช่างภาพข่าวสงครามของตัวเองไว้ว่า Lee คือตัวละครที่สะท้อนให้เห็นถึงห้วงอารมณ์ของนักข่าวสาวที่เคยเชื่อมั่นว่าภาพถ่ายของเธอจะช่วยเป็นสัญญาณเตือนและหยุดยั้งไม่ให้เกิดความสูญเสียขึ้นอีก แต่คำเตือนเหล่านั้นก็ยังคงถูกเมินเฉย จนทำให้เธอรู้สึกเฉยชาและเหนื่อยล้าต่อการทำงานที่ต้องอยู่ในสนามรบเป็นเวลานานหลายปี
“ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนนิทานเตือนใจสำหรับฉันว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้คนไม่สื่อสารกัน เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ฟังกัน เมื่อคุณปิดข่าว และเมื่อเราสูญเสียความจริงที่มีร่วมกัน” Kirsten Dunst เล่าถึงใจความสำคัญที่ซ่อนอยู่ในภาพยนตร์
ขณะเดียวกัน Alex Garland ก็ต้องการให้ตัวภาพยนตร์มาพร้อมกับฉากแอ็กชันที่สร้างความตื่นเต้นและลุ้นระทึกแก่ผู้ชม เขาและผู้กำกับภาพ Rob Hardy จึงเลือกใช้มุมกล้องแนวสารคดีและภาพถ่ายที่เรามักจะได้เห็นตามหน้าข่าว โดยเน้นการถ่ายภาพแบบกล้องแฮนด์เฮลด์เพื่อขับเน้นให้ฉากแอ็กชันมีความสมจริง และให้ผู้ชมได้สัมผัสกับความรุนแรงที่ตัวละครกำลังเผชิญมากยิ่งขึ้น
พร้อมทั้งยังได้ Ray Mendoza อดีตหน่วยซีลผู้รับหน้าที่ที่ปรึกษาด้านการทหารของ Alex Garland มาร่วมออกแบบฉากแอ็กชันร่วมกับทีมสตันท์มากประสบการณ์ ทั้งการออกแบบยุทธวิธีการรบในฉากบุกโจมตีตึกรัฐสภา พร้อมเลือกใช้ทหารผ่านศึกมาร่วมแสดง เพื่อให้ฉากดังกล่าวมีความถูกต้องตามรูปแบบการรบมากที่สุด
ทัพนักแสดงและทีมงานเบื้องหลังมากฝีมือ
นอกจากเนื้อเรื่องที่เข้มข้นชวนติดตามและฉากสงครามกลางเมืองที่สมจริง Civil War ยังคับคั่งด้วยทัพนักแสดงและทีมงานเบื้องหลังมากฝีมือที่จะมาร่วมถ่ายทอดเรื่องราว นำโดย Rob Hardy ที่เคยร่วมงานกับ Alex Garland มาแล้วใน Ex Machina และยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังงานภาพสุดตื่นตาใน Mission: Impossible – Fallout (2018) มารับหน้าที่ผู้กำกับภาพ, Caty Maxey จาก Jurassic World (2015) มารับหน้าที่ออกแบบงานสร้าง, Jake Roberts จากซีรีส์ Devs มารับหน้าที่ตัดต่อ, Geoff Barrow และ Ben Salisbury จาก Ex Machina มารับหน้าที่ประพันธ์ดนตรีประกอบ
พร้อมด้วย Kirsten Dunst ที่เคยได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จาก The Power of the Dog (2021), Wagner Moura จากซีรีส์ Narcos (2015), Cailee Spaeny จาก Priscilla (2023), Stephen McKinley Henderson จาก Dune: Part One (2021), Nick Offerman จากซีรีส์ The Last of Us (2023) และ Jesse Plemons จาก Killers of the Flower Moon (2023)
รับชมตัวอย่างได้ที่:
ภาพ: IMDb, A24
อ้างอิง: