วันนี้ (3 เมษายน) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 32 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง วาระพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ซึ่งสมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้านได้เข้าชื่อกันตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ชี้แจงการลดค่าใช้จ่ายราคาพลังงานหลังจากหมดระยะเวลาที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ ซึ่งแบ่งเป็นค่าไฟและน้ำมัน ทั้ง 2 เรื่องระบบเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ซึ่งส่วนตัวก็ไม่พอใจ และหลายเรื่องก็หาคำตอบไม่ได้ โดยกำลังหาวิธีแก้ไขเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ยั่งยืนกว่าเดิม
สำหรับปัญหาเรื่องค่าไฟหลังหมดระยะเวลา ต่อไปค่าไฟจะยังยืนอยู่ที่ 4.18 บาท และกลุ่มเปราะบางอยู่ที่ 3.99 บาทเช่นเดิม แต่ปัญหาคือเรื่องของน้ำมัน ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลพยายามยืนราคาดีเซลที่ 30 บาท แต่ในระบบปัจจุบันที่เป็นกองทุนรักษาระดับราคาน้ำมันที่ใช้มา 51 ปีแล้ว ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับวิธีดังกล่าว และให้กระทรวงพลังงานพิจารณาปรับปรุงแก้ไข
พีระพันธุ์เผยว่า ได้ออกประกาศกระทรวงพลังงาน โดยในวันที่ 15 เมษายนนี้ จะกำหนดให้ผู้ประกอบการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงต้องแจ้งต้นทุนให้ทราบ ซึ่งเป็นระเบียบที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน ขณะที่เรื่องภาษีสรรพสามิตนั้น ซึ่งมีสัดส่วนในโครงสร้างราคาน้ำมันเกือบเท่าต้นทุน แต่เดิมอำนาจในการกำหนดเพดานภาษีสรรพสามิตอยู่ที่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แต่วันนี้อำนาจนั้นหายไป จึงเป็นอีกอย่างที่ต้องแก้ไขให้กระทรวงพลังงานกำหนดได้
ส่วนข้อกล่าวของสมาชิกเรื่องการทุจริตเชิงนโยบายนั้น ยืนยันว่าไม่มี เรื่องที่สมาชิกพูดทั้งหมดเกิดขึ้นก่อนรัฐบาลปัจจุบัน และได้มอบให้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ตรวจสอบยืนยัน แต่ถ้ามีพยานหลักฐานของเจตนาทุจริต สามารถไปยื่น ป.ป.ช. ได้เลย ไม่มีประโยชน์ที่จะมาถกเถียงกันตรงนี้ว่าใครผิดใครถูก
พีระพันธุ์ยังชี้แจงถึงราคาพลังงานที่จะทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) มีต้นทุนสูงขึ้น ว่า 5,000 เมกะวัตต์ ตรวจสอบแล้วราคาอยู่ที่ 2 บาทกว่า ไม่ได้เป็นภาระให้กับ กฟผ. แต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับช่วยลดภาระให้เขาด้วย ก่อนหน้านี้เคยมีการซื้อที่ราคา 13-14 บาทกว่า ซึ่งถ้าวันนั้นตนเองเป็นผู้รับผิดชอบจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้เด็ดขาด แต่เรื่องเหล่านี้ก็ใกล้จบแล้ว