นับตั้งแต่การประกาศข่าวสุดช็อกของ เจอร์เกน คล็อปป์ ว่าจะขอทำหน้าที่ในการเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลเพียงแค่สิ้นสุดฤดูกาลนี้ ก็มีชื่อของคนที่ถูกคาดหมายว่าจะได้รับช่วงต่อจาก ‘The Normal One’ อยู่หลายคน
แต่คนที่ถูกจับตามองว่าเป็นตัวเก็งเต็งหนึ่ง และเป็นคนที่แฟนเดอะค็อปทั่วโลกอยากเห็นมารับตำแหน่งนายใหญ่แห่งแอนฟิลด์คนใหม่มากที่สุดคือ ชาบี อลอนโซ กุนซือคนหนุ่มที่กำลังมาแรงสุดๆ ในฤดูกาลนี้ จากผลงานพลิกฟื้นไบเออร์ เลเวอร์คูเซน จนกำลังมีโอกาสจะสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้เป็นหนแรกของสโมสร
เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจ เพราะนอกจากฝีไม้ลายมือที่ไม่ธรรมดาของอดีตกองกลางห้องเครื่องชาวสเปน ที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งที่สุดคนหนึ่งของโลก ในการสร้างเลเวอร์คูเซนให้กลายเป็นทีมที่มีสไตล์การเล่นดุดัน เร้าใจ มากที่สุดแล้ว
อีกส่วนก็คือ เรื่องของความผูกพันที่มีต่อกันมาในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่อลอนโซอยู่กับลิเวอร์พูล
ถ้าเขาจะได้เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของลิเวอร์พูล รับช่วงต่อจากคล็อปป์ที่มอบมรดกทีมชุดที่ดีที่สุดและพาสโมสรไปสู่ความสำเร็จต่อเนื่องในอนาคต มันก็จะเป็นเรื่องโรแมนติกลูกหนังที่งดงาม
เพียงแต่ในชีวิตจริง เรื่องโรแมนติกไม่ได้เกิดขึ้นเสมอไป
ในช่วงเช้าวันนี้ สำนักข่าวใหญ่รวมถึงผู้สื่อข่าวคนดังของโลกฟุตบอลต่างรายงานข่าวความเคลื่อนไหวของ ชาบี อลอนโซ กุนซือคนหนุ่มที่เนื้อหอมที่สุดในตอนนี้ ไปในทิศทางเดียวกัน
อลอนโซจะยังอยู่กับไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ต่อไปอีกอย่างน้อย 1 ฤดูกาล และนั่นหมายถึงการที่ทีมที่ให้ความสนใจในตัวของเขาอย่างลิเวอร์พูลและบาเยิร์น มิวนิก จำเป็นที่จะต้องมองหาทางเลือกอื่นสำหรับตำแหน่งผู้จัดการทีมที่จะว่างลงหลังจบฤดูกาลนี้
ข่าวนี้ถือว่าเป็นข่าวความเคลื่อนไหวที่ออกมาอย่างไม่คาดฝันและดับฝันใครหลายคนไปในเวลาเดียวกัน
แน่นอนว่าทุกคนอยากรู้เรื่องราวในฉากหลังนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ย้อนกลับไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมามี ‘สัญญาณ’ ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกี่ยวกับข่าวอนาคตของอลอนโซจาก กิลเยม บาลาเก ผู้สื่อข่าวคนดังชาวสเปน ที่มีความสนิทสนมกับบรรดา ‘ตัวท็อป’ ของวงการลูกหนังแดนกระทิง ซึ่งรวมถึงอลอนโซด้วย
บาลาเกโพสต์ข้อความบน X (Twitter) โดยระบุว่า “ชาบี อลอนโซ ตั้งใจที่จะตัดสินใจเรื่องอนาคตของเขาภายในอีก 3-4 สัปดาห์ข้างหน้า ตอนนี้ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ เลยแม้แต่น้อย”
ก่อนที่จะขยายความว่า ในตอนนี้อลอนโซต้องการมีสมาธิกับการลงสนามในเกมสำคัญอีก 4 นัดข้างหน้าก่อน ซึ่งประกอบไปด้วย เกมบุนเดสลีกากับฮอฟเฟนไฮม์ เกมรอบรองชนะเลิศเดเอฟเบ โพคาล ที่จะพบกับดุสเซิลดอร์ฟ ต่อด้วยเกมบุนเดสลีกาอีกนัดกับอูนิโอน เบอร์ลิน และปิดท้ายด้วยเกมยูฟ่ายูโรปาลีก รอบรองชนะเลิศ กับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด
ผ่าน 4 นัดนี้ไปก่อน แล้วอลอนโซถึงจะเริ่มคิดถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของเขา เพราะเชื่อว่าถึงตรงนั้นภาพทุกอย่างในใจจะชัดเจนขึ้นว่า ในเวลานั้น ‘ความรู้สึก’ ของเขาที่เกี่ยวกับอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่เหตุผลในเรื่องของเกมฟุตบอล
สำหรับอลอนโซ เหตุผลทางครอบครัวก็มีส่วนสำคัญไม่ได้น้อยไปกว่ากัน
กูรูบอลสเปนยังได้วิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด 4 เส้นทางสำหรับอลอนโซเอาไว้ดังนี้
- ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน: ทำไมถึงจะต้องอยู่ต่อ ในเมื่อพาทีมไปได้ไกลสุดที่จะทำได้แล้ว เพียงแต่ความมั่นใจที่สโมสรมีต่อเขาก็มีน้ำหนักสำคัญ
- ลิเวอร์พูล: การมาแทนที่คล็อปป์เป็นเรื่องที่ยาก แต่ขุมกำลังของทีมแข็งแกร่ง กระนั้นลิเวอร์พูลจะลุกขึ้นอีกครั้งจากจุดนี้ได้อีกหรือไม่?
- บาเยิร์น มิวนิก: ความตกต่ำของทีมที่ลดระดับลงมาจากมาตรฐาน 1-2 ทำให้ถ้าย้ายไปก็จะเป็นก้าวสมบูรณ์แบบ เพราะจะมีแต่ขาขึ้น แต่ถ้าเกิดพาเลเวอร์คูเซนคว้าแชมป์ได้แล้วกลายเป็นตำนาน แล้วจะย้ายไปบาเยิร์นทันทีแบบนี้ เวลาเจอหน้าทีมเก่าจะทำอย่างไร?
- เรอัล มาดริด: ถ้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เขี่ยมาดริดตกรอบแชมเปียนส์ลีกได้ และแพ้ในลีกอีก 1-2 นัด มีความเป็นไปได้ที่ (คาร์โล) อันเชล็อตติอาจจะไม่ทำงานต่อ เพียงแต่เงื่อนไขมันเยอะเกินไป เพราะตอนนี้มาดริดน่าจะได้แชมป์ลาลีกาเป็นอย่างน้อย
ก่อนที่บาลาเกจะสรุปว่า อลอนโซอยู่ในจุดที่ดีมากๆ ของชีวิต แต่ด้วยวัย 42 ปี เขาจะมีโอกาสคุมทีมเหล่านี้ได้อีกในภายหลัง สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทีมเหล่านี้
แต่ในเวลาต่อมา สายข่าวจากอังกฤษกลับรายงานไปในทิศทางเดียวกันว่า อลอนโซไม่น่าเป็นตัวเลือกสุดท้ายสำหรับลิเวอร์พูล (รวมถึงบาเยิร์น มิวนิก ด้วย)
โดยเหตุผลที่ให้คือ “ลิเวอร์พูล (และบาเยิร์น) เชื่อว่าเขายังไม่พร้อมสำหรับการย้ายทีมในช่วงปิดฤดูกาลนี้” แต่เหตุผลนี้ก็ดูสวนทางกับสิ่งที่บาลาเกได้พยายามบอกออกมาก่อนหน้านั้นว่า “ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ เกี่ยวกับอนาคต และจะรออีก 3-4 สัปดาห์ถึงจะมีการตัดสินใจ”
แล้วมันเป็นอย่างไรกันแน่?
ตามรายงานจาก The Times, Telegraph ไปจนถึง The Athletic และ Sky Sports ซึ่งเป็นสื่อที่มีความใกล้ชิดกับ ‘วงใน’ ของลิเวอร์พูล ระบุว่า สโมสรดังของอังกฤษได้ตรวจสอบและวิเคราะห์สถานะของอลอนโซแล้ว เชื่อว่ากุนซือลูกหลานชาวแคว้นบาสก์แห่งสเปนยังไม่พร้อมสำหรับการย้ายทีม
โดยการประเมินนั้นถึงจะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด แต่ช่วงที่ผ่านมามีรายงานข่าวเป็นระยะว่า ลิเวอร์พูลได้มีความพยายามในการ ‘เช็ก’ ถึงความเป็นไปได้ที่อลอนโซจะเข้ามารับตำแหน่งที่แอนฟิลด์ เพราะมองว่าเขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
และคำตอบที่ได้อาจมีบางอย่างที่เป็นการบ่งบอกว่าอลอนโซกำลังคิดถึงการอยู่กับเลเวอร์คูเซนต่ออีกอย่างน้อยหนึ่งฤดูกาล ซึ่งก็มีกระแสข่าวในทิศทางนี้ออกมาด้วยเช่นกัน
เรื่องนี้ยังสอดคล้องกับถ้อยคำของ อูลี เฮอเนสส์ ประธานสโมสรกิตติมศักดิ์ของบาเยิร์น มิวนิก ที่ออกมาพูดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า การจะดึงอลอนโซมาในช่วงปิดฤดูกาลนี้อาจเป็นเรื่องที่ ‘เป็นไปไม่ได้’ ถึงแม้ว่าจะมีการเปิดช่องว่า “เราจะลองดูว่าเราจะสามารถทำอะไรได้บ้างในปีนี้ แต่มันก็ยากหรือเกือบๆ จะเป็นไปไม่ได้
“อลอนโซมีแนวโน้มจะอยู่กับเลเวอร์คูเซนต่อจากความสำเร็จในตอนนี้ เพราะเขาไม่อยากจะทิ้งทีมไว้ข้างหลัง”
โดยที่เฮอเนสส์ยังบอกด้วยว่า ถ้าอลอนโซประสบความสำเร็จกับเลเวอร์คูเซนมาแล้ว 2-3 ปี การจะชักชวนมาทำงานด้วยกันก็อาจเป็นเรื่องที่ง่ายกว่านี้
เช่นนั้นก็หมายถึงการที่ทั้งบาเยิร์นและลิเวอร์พูลควรจะเดินหน้าเพื่อมองหาตัวเลือกใหม่ ดีกว่าที่จะเสียเวลารอไปอีก 1-2 เดือนโดยที่อาจจะไม่ได้คำตอบที่ยิ้มได้
อย่าลืมว่านี่เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับการเตรียมความพร้อมสำหรับฤดูกาลหน้า ซึ่งสโมสรไม่สามารถที่จะรอได้
สำหรับลิเวอร์พูล หากสุดท้ายแล้วจะตัดชื่อของอลอนโซทิ้งจากลิสต์ในการพิจารณาจริง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะตีบตันหนทาง
ในทางตรงกันข้าม สโมสรเชื่อมั่นในตัวของ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ในฐานะซีอีโอฝ่ายฟุตบอลของ Fenway Sports Group (FSG) ซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการสโมสรระดับตำนาน ที่กลับมาช่วยดูแลลิเวอร์พูลในทางอ้อม โดยมีคนสนิทที่รู้มือกันอย่าง ริชาร์ด ฮิวจ์ส ผู้อำนวยการสโมสรจากบอร์นมัธ ที่เตรียมจะรับตำแหน่งในช่วงปิดฤดูกาลนี้ มาเป็นคนดูแลโดยตรง
FSG เชื่อในมุมมองและวิสัยทัศน์ของเอ็ดเวิร์ดส์กับฮิวจ์สว่าจะเลือก ‘คนที่ดีและเหมาะสม’ มารับตำแหน่งผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลได้อย่างแน่นอน
โดยตอนนี้มี 2 ชื่อด้วยกันที่มีการระบุว่า ‘เข้าข่าย’ มากที่สุด
หนึ่งคือ รูเบน อโมริม โค้ชสายพันธุ์ใหม่วัย 39 ปีที่ทำผลงานได้น่าประทับใจกับสปอร์ติง ลิสบอน โดยเคยคว้าแชมป์ซูเปอร์ลีกา โปรตุเกส ในปี 2021 และในฤดูกาลนี้ทีมนำจ่าฝูงอยู่ มีโอกาสที่จะคว้าแชมป์ได้อีกสมัย
อีกหนึ่งคือ โรแบร์โต เด แซร์บี นายใหญ่ไบรท์ตัน ที่แม้ผลงานในฤดูกาลนี้จะไม่น่าประทับใจ แต่ด้วยสไตล์การทำทีมและอีกหลายอย่าง ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเป็นคนที่ผู้อำนวยการสโมสรอย่างฮิวจ์สชื่นชมในฝีมือการคุมทีมมานาน แต่จีบไปทำงานที่บอร์นมัธไม่สำเร็จ
เชื่อได้ว่านี่จะเป็น ‘ทิศทาง’ ของเรื่องราวหลังจากนี้ ซึ่งจะมีความชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ
เพียงแต่หากกลับไปมองถึงถ้อยคำของบาลาเกแล้ว โอกาสสำหรับลิเวอร์พูลที่จะได้เห็นอลอนโซกลับมาอีกครั้ง โดยที่ไม่ใช่ในฐานะนักเตะที่มาเล่นเกมการกุศลของเหล่าตำนาน ก็ไม่ถึงกับปิดประตูตายเสียทีเดียว
อย่าลืมว่าการเจรจาในโลกฟุตบอล (หรือในโลกของความเป็นจริง) นั้นมีความสลับซับซ้อน ชิงไหวชิงพริบกันมากกว่าที่เราได้เห็นข่าวตามหน้าสื่อมากมายนัก
ข่าวที่ถูกปล่อยออกมาอาจเป็นหนึ่งใน ‘กลยุทธ์’ ของการเจรจาก็ได้เหมือนกัน
ดังนั้นหากถามว่า เรื่องโรแมนติกลูกหนังที่จะได้เห็นอลอนโซกลับมาช่วยลิเวอร์พูลอีกครั้งมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริงแล้วใช่ไหม?
คำตอบที่ได้ อยู่ที่หัวใจของแต่ละคนเลย
อ้างอิง: