“ผมอยากจะแนะนำให้นักแข่งทุกคนไปผ่าเอาไส้ติ่งออกเลย” คาร์ลอส ไซน์ซ กล่าวหยอกล้อกับทุกคนอย่างอารมณ์ดีหลังจากที่ได้ขึ้นโพเดียมอันดับ 1 คว้าแชมป์รายการออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์
ไซน์ซทำผลงานได้อย่างสุดยอดในการแข่งขันที่อัลเบิร์ตพาร์กเซอร์กิต เมืองเมลเบิร์น หนึ่งในสนามสุดโหด ด้วยการควบทะยานเจ้าม้าลำพองคันเก่งแซงหน้า แม็กซ์ แวร์สเตปเพน (ผู้โชคร้ายมีปัญหาเรื่องเบรกต้องถอนตัวจากการแข่งขันในเวลาต่อมา) ตั้งแต่แรก ก่อนจะนำแบบม้วนเดียวจบการแข่งขันไม่ให้แฟนๆ เฟอร์รารีต้องรู้สึกหวั่นไหวใดๆ
แต่ลึกๆ ในใจของนักขับชาวสเปนวัย 29 ปีที่เข้ารับการผ่าตัดเมื่อ 16 วันที่แล้วคนนี้ก็มีความไหวหวั่นมาสักพัก
เพราะในอีกช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ไซน์ซได้กล่าวถึงเรื่องอนาคตของตัวเขาเอง
“ผมยังว่างงานอยู่สำหรับปีหน้า หวังว่าการแข่งวันนี้จะเป็นผลดีสำหรับผมนะ”
รอยยิ้มของไซน์ซบอกอะไรหลายอย่างในนั้น
View this post on Instagram
16 วันที่แล้วยังไม่รู้ว่าจะกลับมาแข่งรถไหวหรือไม่
ย้อนกลับไปในการแข่งขันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (24 มีนาคม) ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในเรซที่เกิดเรื่องไม่คาดคิดพอสมควร
โดยเฉพาะการต้องถอนตัวของแวร์สเตปเพนที่รถแข่งมีปัญหาเกี่ยวกับระบบเบรกตั้งแต่ช่วงแรก ซึ่งแชมป์โลก 3 สมัยได้พยายามแจ้งทีมงานถึงความผิดปกติตั้งแต่เริ่มการแข่งขัน แต่สุดท้ายแล้วเบรกที่ล้อหลังขวาที่มีการเสียดสีด้วยความร้อนสูงได้เกิดลุกไหม้
นั่นทำให้นักขับชาวดัตช์ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ ประคองรถเข้าพิตก่อนจะต้องถอนตัวจากการแข่งขันแบบไม่สบอารมณ์
การถอนตัวของแวร์สเตปเพนกลายเป็นโอกาสทองสำหรับนักขับคนที่เหลือ โดยเฉพาะ 2 นักขับจากเฟอร์รารีอย่างไซน์ซและ ชาร์ลส์ เลอแคลร์ ที่มีโอกาสสูงในการจะได้ขึ้นโพเดียมในฐานะผู้ชนะ ซึ่งปรากฏว่าทั้งสองไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดลอย พวกเขาพาเฟอร์รารีจบแบบ ‘One-Two’ ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2022 เลยทีเดียว
ไซน์ซซึ่งผ่านธงตราหมากรุกเป็นคนแรกทั้งๆ ที่ยังต้องติดผ้าพันแผลที่หน้าท้องไว้ ยังช่วยหยุดไม่ให้แวร์สเตปเพนสร้างสถิติตลอดกาลคว้าแชมป์ 10 รายการติดต่อกันได้สำเร็จด้วย โดยที่ 9 สนามที่แชมป์โลกชาวดัตช์พิชิตมาได้นั้นสถิติก็เริ่มหลังจากรายการสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ เมื่อปีที่แล้ว
คนที่คว้าแชมป์ที่สิงคโปร์ในวันนั้นได้ – และเป็นแชมป์เดียวในปีที่แล้วที่ไม่ใช่นักขับจากเรดบูลล์ด้วย – ก็คือไซน์ซคนนี้นั่นเอง
เรียกได้ว่านักขับวัย 29 ปีคนนี้มาเพื่อทำให้งานปาร์ตี้ของเรดบูลล์สะดุดเล็กๆ และเป็นกำลังใจสำหรับเฟอร์รารีที่หวังจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในอนาคต
แต่สำหรับตัวของไซน์ซแล้วแชมป์รายการนี้มีความสำคัญอย่างมากต่ออนาคต และอาจจะสำคัญมากกว่าต่อจิตใจของเขาเอง
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเฟอร์รารี และแน่นอนเป็นชัยชนะที่ไซน์ซจะจดจำไปตลอดชีวิต
ที่ต้องบอกเช่นนี้ก็เพราะสัญญาของเขากับทีมเฟอร์รารีจะหมดลงในปี 2024 นี้โดยที่จะไม่ได้รับการต่อสัญญาออกไป เนื่องจากทีมดังของอิตาลีตัดสินใจเลือกเซ็นสัญญากับ ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลก 7 สมัยที่ตัดใจอำลาเมอร์เซเดส ทีมคู่ทุกข์คู่ยาก หลังมีปัญหาตลอด 3 ปีที่ผ่านมาในเรื่องของรถแข่ง
สำหรับนักขับที่อายุไม่น้อย วัยล่วงมาถึง 29 ปีแล้ว จู่ๆ การต้องได้รับข่าวร้ายก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำใจยอมรับได้ง่ายนัก ซึ่งในการสัมภาษณ์หลังรายการออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ เจ้าตัวก็ยอมรับว่าข่าวนี้ส่งผลต่อตัวของเขาอยู่ไม่น้อย
“ในบางครั้งชีวิตมันก็บ้าบอดีนะรู้ไหม?” ไซน์ซบอกกับทุกคน “มันไม่ใช่แค่ 2 สัปดาห์นี้หรอก แต่มันนับตั้งแต่เริ่มต้นปีเลย กับการเริ่มต้นปีด้วยข่าวที่จะไม่ได้รับการต่อสัญญาออกไป”
เท่านั้นไม่พอการต้องเข้ารับการผ่าตัดไส้ติ่งทำให้เขาต้องพลาดการแข่งขันในรายการซาอุดีอาระเบีย กรังด์ปรีซ์ ที่เจดดาห์ ก็มีผลต่อผลหัวใจไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงคนที่กำลังว้าวุ่นใจจากการที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะก้าวเดินไปทางไหน
ถึงต่อหน้าไซน์ซจะมีรอยยิ้มให้ทุกคน แต่ลึกๆ แล้วเขาต้องจัดการกับอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองพอสมควร
“การต้องนอนบนเตียงนานๆ โดยที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาทันเวลาได้ไหม และยังมีเรื่องที่ยังไม่รู้อีกมาก เช่น ผมจะกลับมาฟิตเหมือนเดิมไหม ผมจะกลับมาขับด้วยความรู้สึกดีกับรถแบบเดิมหรือเปล่า”
สำหรับนักแข่งรถ นอกจากทักษะและร่างกายที่แข็งแกร่งแล้ว เรื่องของจิตใจเป็นสิ่งที่สำคัญและมีผลอย่างมากต่อการแข่งขัน ความสมบูรณ์ของสุขภาพจิตสามารถกำหนดการแข่งขันได้เลยทีเดียว
ถึงในใจจะมีคำถาม และยังรู้สึก ‘แปลกๆ’ หลังการผ่าตัด ซึ่งแม้จะไม่มีอาการเจ็บแผลใดๆ แต่เขายอมรับว่ารู้สึกว่า ‘อวัยวะภายในมันเคลื่อนไหวมากกว่าปกติ’ เรื่องนี้วัดใจอย่างมาก เขาต้องพยายามทำใจให้แข็งมากกว่าปกติ เพราะการขับรถต้องใช้ร่างกายส่วนแกนกลาง
แต่สุดท้ายไซน์ซก็ทำได้สำเร็จ และเหมือนเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกด้านลบทั้งหลายออกจากตัวและหัวใจของเขาเอง
ไซน์ซจะไปเป็นเพื่อนร่วมทีมของแวร์สเตปเพนในปีหน้า หรือจะไปแทนที่?
จริงอยู่ที่เขายังไม่รู้อนาคตว่าจะได้ย้ายไปอยู่ทีมไหนหรือไม่ แต่การขับสุดเร่าร้อนที่อัลเบิร์ตพาร์กเซอร์กิตน่าจะเข้าตาใครหลายคน
หนึ่งในนั้นคือ คริสเตียน ฮอร์เนอร์ หัวหน้าทีมจอมฉาวแห่งเรดบูลล์ ซึ่ง ‘เชโก’ เซร์คิโอ เปเรซ นักขับจอมเก๋าก็จะหมดสัญญาหลังสิ้นปีนี้พอดีเหมือนกัน
“วัดจากผลงานที่เห็นแบบนี้ไม่มีใครปฏิเสธความเป็นไปได้ใดๆ ได้นะ” ออร์เนอร์กล่าว “นี่คือนักขับที่กำลังจะว่างงานที่คว้าชัยชนะได้ในวันนี้”
แต่จะเป็นเรดบูลล์หรือทีมไหนก็ตาม สำหรับไซน์ซแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่ช่วง 16 วันหลังการผ่าตัด แต่ต้องย้อนกลับไปถึงก่อนหน้านี้นับตั้งแต่ได้รู้ข่าวที่ไม่พึงประสงค์ ช่วงเวลาเหล่านี้ได้สอนอะไรมากมายหลายอย่างแก่ชีวิตของเขา และอาจเป็นการสอนแฟนๆ ของเขาทุกคนไปด้วย
ในร้ายมีดี ในดีมีร้าย อยู่ที่เราจะมองเห็นหรือสัมผัสได้หรือไม่
“ในบางครั้งชีวิตก็เหมือนการขึ้นรถไฟเหาะ” ไซน์ซบอก “แต่มันก็อาจจะเป็นสิ่งที่ดีก็ได้นะ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
อ้างอิง: