ความปั่นป่วนของโลกคริปโตเคอร์เรนซีไม่ใช่จุดอ่อน แต่เป็นจุดขายที่โดดเด่น
ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ และแม้ว่าจะมีร่วงลงบ้างหลังจากนั้น แต่ก็สร้างกระแสฮือฮาให้เหล่านักลงทุน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ราคาพุ่งสูงเช่นนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เอลซัลวาดอร์พลิกมีกำไรจาก Bitcoin เฉียด 2 พันล้านบาท หลังราคาพุ่งทะลุ 67,000 ดอลลาร์
- Bernstein ชี้ ลงทุนหุ้นขุด Bitcoin อาจดีกว่าลงทุนเหรียญโดยตรง หลังราคา BTC พุ่งแตะ 69,000 ดอลลาร์
- นักวิเคราะห์เตือน Bitcoin เสี่ยงปรับฐาน หลังจ่อทุบสถิติ All Time High เดิมที่ 69,000 ดอลลาร์สหรัฐ
Bitcoin เคยทะยานขึ้นไปทำสถิติสูงสุดตลอดกาลในปี 2021 และในปี 2023 ราคาของมันยังคงขยับขึ้นและลงแบบหวือหวาน่าตื่นเต้น โดยบรรดานักวิเคราะห์ขาประจำได้ออกมาคาดการณ์ราคาอนาคตของ Bitcoin ไว้อย่างหลากหลายไปตั้งแต่หลักแสนดอลลาร์ไปจนถึง 5 แสนดอลลาร์ต่อเหรียญ หรือ 17.7 ล้านบาทเลยทีเดียว
ปรากฏการณ์ราคาพุ่งในช่วงนี้เป็นเหมือนการย้อนรอยเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในอดีต เช่นในปี 2013, 2017 และ 2021 ในแต่ละครั้งที่ราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้นก็จะตามมาด้วยการร่วงลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ Bitcoin ติดอยู่ในวัฏจักรขาขึ้น-ขาลงอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าราคาของ Bitcoin จะดิ่งลงทันทีหลังจากพุ่งขึ้นไปทำสถิติใหม่สูงสุด แต่ก็ยังไม่แน่ว่านักลงทุนทุกคนจะพากันเทขายจนเกิดภาวะวิกฤตอีกครั้ง ทั้งนี้เพราะแต่ละคนเข้าซื้อกันมาในราคาที่ต่างกัน และยังมีนักลงทุนกลุ่มที่เชื่อมั่นใน Bitcoin อย่างแท้จริงที่จะไม่ขายเหรียญของตัวเองออกไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
“Bitcoin มีความผันผวนสูงมาตั้งแต่แรกเริ่ม และสิ่งที่เราเห็นกันอยู่ตอนนี้ก็เข้ากันได้ดีกับประวัติของมัน” David Yermack ศาสตราจารย์ด้านการเงินจาก New York University’s Stern School of Business กล่าว
ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคา Bitcoin ขยับขึ้นในช่วงนี้คือการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) อนุญาตให้มีการจัดตั้ง ‘กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนอ้างอิงสินทรัพย์ Bitcoin’ หรือ Bitcoin ETF ซึ่งเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าการซื้อ Bitcoin โดยตรง
Bitcoin ETF ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว กองทุน 10 อันดับแรกมีเม็ดเงินไหลเข้ามูลค่ารวมกว่า 7.3 พันล้านดอลลาร์หลังจากเปิดตัวไม่นาน ขณะที่กองทุน BlackRock’s iShares Bitcoin Trust สามารถระดมทุนเกิน 500 ล้านดอลลาร์ต่อวันในช่วงท้ายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไม่เพียงเท่านั้น ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Fidelity ก็มีเม็ดเงินไหลเข้าถึง 400 ล้านดอลลาร์ในวันเดียวเช่นกัน
เมื่อดีมานด์ของ Bitcoin เพิ่มขึ้นจากการที่กองทุน ETF ต้องลงทุนใน Bitcoin มากขึ้นเพื่อรองรับเงินที่ไหลเข้ามา ก็จะทำให้เกิดความต้องการซื้อ Bitcoin โดยตรง และเกิดวัฏจักรขาขึ้นที่เป็นผลดีต่อราคา
อย่างไรก็ดี หลายๆ ฝ่ายมองว่าความผันผวนของ Bitcoin ยังคงเป็นความเสี่ยงเช่นเดิม มีนักวิเคราะห์ที่เชื่อว่า Bitcoin กำลังจะเข้าสู่วัฏจักรขาลงอีกรอบ ในขณะที่บางส่วนเชื่อว่าขาขึ้นครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Bitcoin เป็นสินทรัพย์ลงทุนที่ ‘น่าเบื่อ’ เพราะมีเสถียรภาพมากกว่าเดิม แต่ก็ยังมีนักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่า Bitcoin จะเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงไปตลอดกาล
ไม่ว่าจุดจบจะออกมาอย่างไร ราคาของ Bitcoin ที่ยังคงแกว่งตัวอย่างรุนแรงอยู่เช่นนี้น่าจะเป็นโอกาสดีให้เหล่านักลงทุนใช้ในการหาจังหวะเข้าซื้อและทำกำไรอยู่เสมอ
อ้างอิง: