วันนี้ (7 มีนาคม) ชญาภา สินธุไพร สส. จังหวัดร้อยเอ็ด และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลไม่เป็นรูปธรรมนั้น ว่าเป็นเรื่องปกติในสังคมที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย แต่ความเป็นจริง ภาพที่พี่น้องประชาชนเห็นตรงกันคือ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้ามาบริหารประเทศเข้าสู่เดือนที่ 6 ถือเป็นช่วงเวลาไม่นาน แต่มีผลงานที่ทยอยผลิดอกออกผลเป็นรูปธรรมไม่น้อย
ชญาภากล่าวว่า เช่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ที่รัฐบาลเดินหน้าทำทันทีภายใน 3 เดือนแรกหลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ช่วยอำนวยความสะดวก ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ลดการกระจุกตัวของผู้ป่วยในโรงพยาบาลใหญ่ ซึ่งคิกออฟใน 4 จังหวัดนำร่องไปแล้ว และต่อยอดความสำเร็จเฟสสองในเดือนมีนาคมนี้ในอีก 8 จังหวัด รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบหลายปี เช่น อ้อย ราคาปรับขึ้นมาเป็นตันละ 1,700-1,850 บาท จากเดิมตันละ 850-950 บาท ยางพารากิโลกรัมละ 75 บาท จากเดิม 3 กิโลกรัม 100 บาท รวมถึงมันสำปะหลัง ข้าวโพด และข้าว ราคาก็พุ่งสูงมาก
ในขณะที่การเดินทางไปราชการต่างประเทศของนายกรัฐมนตรี ชญาภากล่าวว่า นับตั้งแต่รับตำแหน่ง รวม 16 ประเทศ ได้พบปะหารือผู้นำนานาประเทศและภาคเอกชนจำนวนมาก โดยมีเป้าหมายที่จะประกาศว่าประเทศไทยพร้อมเปิดรับการลงทุนเต็มที่ จนในที่สุดงานที่นายกรัฐมนตรีมุ่งมั่นตั้งใจทำตั้งแต่วันแรกก็ทยอยสร้างผลลัพธ์
ช่วงต้นปีนี้มีตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งบอร์ด BOI ได้อนุมัติส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ 4 โครงการในประเทศไทย มูลค่ารวม 29,702 ล้านบาท ล่าสุดสำนักข่าว Reuters รายงานว่า Tesla ได้เข้ามาสำรวจพื้นที่ตั้งโรงงานในไทยแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากการที่นายกรัฐมนตรีได้พบปะหารือกับผู้บริหาร Tesla ในห้วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC ครั้งที่ 30 ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566
“นายกฯ เศรษฐา บริหารประเทศเพียง 6 เดือน แต่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและเชิญชวนบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างชาติมาลงทุนได้ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศโดยที่ยังไม่ต้องใช้งบก้อนใหญ่จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ด้วยซ้ำ” ชญาภากล่าว