วันนี้ (25 กุมภาพันธ์) ธิดา โตจิราการ ในฐานะคณะประชาชนทวงคืนความยุติธรรม 2553 (คปช.53) ออกจดหมายเปิดผนึกถึงพรรคการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ในฐานะสมาชิกรัฐสภาและรัฐบาล โดยมีใจความดังนี้
“ผลการเลือกตั้งปี 2566 ได้เปิดเผยถึงความต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้เป็นสังคมแบบเสรีนิยมที่ก้าวหน้าและเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบสากล โดยประชาชนจำนวน 25.401 ล้านคน จาก 39.5 ล้านคน ที่มาออกเสียงเลือกตั้ง คิดเป็น 64.28% ของผู้มาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่มีผู้มาใช้สิทธิ 75.71% ของประชากรไทยทั้งหมด
“แม้ในที่สุดเราจะได้รัฐบาลผสมที่มีทั้งขั้วเสรีนิยมเดิม ร่วมกับขั้วอนุรักษนิยมที่เป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจจากการทำรัฐประหาร อย่างไรก็ตาม คณะประชาชนผู้ต้องการความยุติธรรมที่ผ่านการต่อสู้ครั้งสำคัญในปี 2553 จนถึงเวลาปัจจุบัน ประสงค์ให้หน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ที่ก้าวหน้าของประชาชนได้เริ่มต้นอย่างแท้จริงจากพรรคการเมืองฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล
“จึงใคร่ทวงถามข้อเรียกร้องเดิมที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านในเวลานั้นก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ได้รับเรื่องและให้คำมั่นไว้เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ที่รัฐสภา และวันที่ 10 เมษายน 2566 ในงานรำลึก 13 ปี เมษายน-พฤษภาคม 2553
“ในข้อเสนอต่อพรรคการเมืองฝ่ายค้านเวลานั้น เรามีข้อเสนอ 8 ข้อ เป็นข้อเสนอกรณีความยุติธรรมปี 2553 มี 3 ข้อเรียกร้องที่เรายังขอยืนยัน คือ
“1. ตั้งคณะกรรมการและคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนฝ่ายรัฐบาลที่มีอำนาจสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ตัวแทนฝ่ายผู้สูญเสีย นักวิชาการ นักสิทธิมนุษยชน และนักกฎหมาย เพื่อตรวจสอบคดีความกรณีปี 2553 ที่ถูกแช่แข็ง บิดเบือน ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐไทยตามหลักนิติรัฐนิติธรรม รวมทั้งคดีความที่ปฏิบัติต่อเยาวชนและประชาชนหลังปี 2563 เป็นต้นมา ให้เป็นไปตามกฎหมายที่ได้ลงนามหลักสิทธิมนุษยชนและกติการะหว่างประเทศขององค์การสหประชาชาติ เร่งรัดคดีความที่เจ้าหน้าที่รัฐกระทำต่อประชาชนและยังค้างคาอยู่ที่หน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), กระทรวงยุติธรรม, อัยการ ฯลฯ
“2. แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระธรรมนูญศาลทหาร, พระธรรมนูญศาลยุติธรรม, พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีที่ทหารและนักการเมืองทำความผิดทางอาญาต่อประชาชนให้ขึ้นศาลพลเรือน ไม่ใช่ทหารขึ้นศาลทหาร นักการเมืองขึ้นศาลนักการเมือง ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ทำให้ทหารและนักการเมืองไม่ได้ถูกดำเนินคดีเฉกเช่นประชาชนทั่วไป
“3. ขอให้ลงนามรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ เฉพาะกรณีเหตุการณ์ปี 2553 ทั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับมาตรา 6 ในรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์แต่ประการใด ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามที่อัยการศาล ICC ได้มาแจ้งไว้กับรัฐบาลเพื่อไทยเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555
“ส่วนข้อเสนออื่นๆ อีก 5 ข้อจะเกี่ยวข้องกับการเรียกร้องระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจแท้จริง และการทวงความยุติธรรมให้คนรุ่นใหม่ในสถานการณ์จากปี 2563 เป็นต้นมา ไปจนถึงสถานการณ์ในอนาคตของประเทศไทย
“1. ดำเนินการเพื่อแก้ไขให้ได้รัฐธรรมนูญของประชาชน ให้ได้ระบอบประชาธิปไตยแท้จริง โดยการใช้ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั่วประเทศ ตามสัดส่วนประชาชนในพื้นที่ต่างๆ เพื่อดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่คำนึงถึงสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค โดยคำนึงถึงสนธิสัญญาตามหลักสิทธิมนุษยชน สิทธิทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ที่ได้ลงนามไว้ในสหประชาชาติ รวมทั้งสนธิสัญญากรุงโรมที่ยังไม่ได้ให้สัตยาบัน ก็ควรให้สัตยาบันในอนาคตหลังจากแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่แล้ว
“2. แก้ไขกฎหมายอื่นอันเป็นผลพวงการทำรัฐประหาร รวมทั้ง พ.ร.บ.องค์กรรัฐซ้อนรัฐ กอ.รมน. กฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 116 ที่กลายเป็นเครื่องมือจัดการผู้เห็นต่างทางการเมือง
“3. ดำเนินการเพื่อปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปกองทัพ และองค์กรอิสระอย่างจริงจัง เพราะ 3 แหล่งนี้เป็นกระบวนการกลุ่มอภิชนที่ยึดครองประเทศไทย ยึดอำนาจจากประชาชน ไม่ยึดโยงกับประชาชน อำนาจกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นถึงปลาย อำนาจองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ล้วนต้องยึดโยงกับประชาชน รวมทั้งกองทัพ โครงสร้างการบริหารขององค์กรเหล่านี้ต้องให้อำนาจประชาชนควบคุมได้ ไม่ใช่สมคบกันจัดการประชาชนผู้เห็นต่างทางการเมือง
“4. กระจายอำนาจบริหารจากส่วนกลางไปยังภูมิภาค แก้ปัญหาระบบอุปถัมภ์ เจ้าขุนมูลนาย และการคอร์รัปชันส่งนายใหญ่ตามลำดับ ให้ผู้บริหารผ่านการเลือกตั้งของประชาชนและถูกตรวจสอบได้ง่าย
“5. ให้วุฒิสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงทั้งหมด หรือมาจากประชาชนโดยอ้อม ผ่านการคัดสรรตามโควตา สส. ในรัฐสภาของพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งทั่วไป หรือมิฉะนั้นก็ไม่ต้องมีวุฒิสมาชิกเลย เพราะตราบเท่าที่องค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง วุฒิสมาชิก ถูกแต่งตั้งจากรัฐทหารจารีต อำนาจประชาชนก็ถูกจัดการทำลาย ยุบพรรคการเมืองโดยง่าย จับกุมคุมขัง ลงโทษประชาชนผู้เห็นต่างเหมือนเช่นทุกวันนี้
“อนึ่ง ใน 8 ข้อนี้จะยึดโยงกับการได้รัฐธรรมนูญใหม่ของประชาชน ซึ่งจะต้องได้มาจากประชาชนที่ใช้อำนาจโดยตรง
“ดังนั้น การทวงความยุติธรรมให้ประชาชนปี 2553 จึงเกี่ยวข้องยึดโยงโดยตรงกับการได้รัฐธรรมนูญใหม่ที่ก้าวหน้าเท่านั้น และเราสนับสนุนการนิรโทษกรรมคดีความของผู้เห็นต่างทางการเมืองที่ไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการเรียกร้องทวงความยุติธรรมของประชาชนเพื่อการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำผิดกฎหมายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศตามหลักสิทธิมนุษยชน
“ข้อเรียกร้องของเราในกรณีการปราบปรามประชาชนปี 2553 เป็นข้อเรียกร้องให้รัฐดำเนินการตามกฎหมายของประเทศและระหว่างประเทศที่เราลงนามไปแล้วในสหประชาชาติ จึงเป็นข้อเรียกร้องที่ชอบธรรมและชอบด้วยกฎหมายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศทั้งสิ้น และเพื่ออนาคตของประเทศจะได้ไม่มีการฆ่าประชาชนมือเปล่ากลางถนนครั้งแล้วครั้งเล่าอีกต่อไป” แถลงการณ์ระบุ