องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก เผยข้อมูลที่น่ากังวลเกี่ยวกับอุณหภูมิโลกช่วง 9 ปี (2558-2566) ถือเป็นช่วงที่อุณหภูมิเฉลี่ยสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งอัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในช่วงปี 2556-2565 เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าของอัตราที่เคยบันทึกไว้ในทศวรรษแรกของการใช้ดาวเทียมติดตามระดับน้ำทะเล (2536-2565) เนื่องจากภาวะโลกร้อนและการละลายของธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง ถ้าคิดว่านั่นคือข่าวร้ายแล้ว มันอาจเลวร้ายยิ่งกว่า เมื่อกรมอุตุนิยมวิทยาแห่งสหราชอาณาจักรเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่ปี 2567 จะร้อนกว่าปี 2566 และอาจสูงเกินกว่าเกณฑ์ 1.5 องศาเซลเซียสตลอดปี
ทุกคนรู้ว่าวิกฤตนี้ส่งผลกระทบต่อทุกคนทั่วโลก ทุกประเทศและทุกภาคส่วนต่างก็ลุกขึ้นมาใส่ใจภาวะโลกร้อนรวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในทุกมิติ ตั้งแต่ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ภาคการเงิน’ คำว่า ‘Green Finance’ กลายเป็นเทรนด์ระดับโลกที่หลายประเทศทั่วโลกเดินหน้าอย่างจริงจังในการเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและร่วมลงทุนในโครงการต่างๆ ที่เป็นไปตามความตกลงปารีส โดยเน้นลงทุนในบริษัทที่มุ่งมั่นในอุดมการณ์เรื่อง Net Zero รวมถึงตัวองค์กรเองก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับกระแสด้านความยั่งยืน
ภาคการเงินของไทยตอนนี้ก็เร่งปรับตัวมาเป็น ‘Green Finance’ กันอย่างจริงจัง หนึ่งในนั้นคือ ‘ธนาคารกสิกรไทย’ ที่ตระหนักถึงความสำคัญเร่งด่วนในการแก้ปัญหาโลกร้อน จึงเดินหน้านโยบายและปรับการดำเนินงานต่างๆ ภายในองค์กร รวมถึงส่งเสริมให้คนไทยเข้าถึงไลฟ์สไตล์กรีนเพื่อมุ่งสู่ Net Zero Commitment ตามที่ธนาคารประกาศไว้เมื่อปี 2564
การประกาศ Net Zero Commitment ถือเป็นความมุ่งมั่นที่จะปรับองค์กรผ่านการดำเนินงานเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่การส่งเสริมให้พนักงานและบุคลากรมี Green DNA ให้ความรู้และกระตุ้นการสร้างพฤติกรรมที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับการจัดการขยะใน 4 อาคารสำนักงานหลักเพื่อลดปริมาณขยะที่ไปสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์
ปี 2566 มีการเปลี่ยนรถยนต์ของธนาคารมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วจำนวน 175 คัน และจะทยอยเปลี่ยนจนครบทั้งหมดภายในปี 2573 สำหรับการดำเนินการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่สำนักงานหลักและสาขาซึ่งมีการทยอยติดตั้งไปแล้ว และตั้งเป้าติดตั้งให้ครบทุกสาขาจำนวน 278 แห่งภายใน 2 ปี รวมไปถึงปรับเปลี่ยนไปใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังปรับกระบวนการทำงานและการให้บริการของธนาคารไปสู่ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้สังคมไทยร่วมรักษ์โลกด้วยการปล่อย Green Finance อย่างต่อเนื่องผ่านสินเชื่อบ้าน รถ และธุรกิจ หรือการออก Green Bonds และ Sustainable Investment ที่จะช่วยเปิดทางให้นักลงทุนสามารถลงทุนในโครงการที่มีความยั่งยืนได้ โดย 2 ปีที่ผ่านมา ธนาคารกสิกรไทยปล่อยเม็ดเงินลงทุนสู่ตลาดไปแล้วกว่า 53,000 ล้านบาท ตั้งเป้าสนับสนุน Sustainable Finance ภายในปี 2573 ให้ถึง 1-2 แสนล้านบาท
แนวทางสู่เป้า Net Zero ของธนาคารกสิกรไทยปี 2567 จะยิ่งเข้มข้นมากขึ้น โดยส่งเสริมให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการรักษ์โลกไปด้วยกัน ผ่านโครงการ GO GREEN Together ไม่ว่าจะเป็นการใช้บริการของธนาคารที่ใส่ใจเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึง Green Lifestyle ง่ายขึ้น
เริ่มตั้งแต่การเปิดตัว ‘EV Currency Exchange’ หรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ขับเคลื่อนได้สูงสุด 120 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และใช้แบตเตอรี่ที่ได้พลังงานจากแผงโซลาร์เซลล์ที่ติดตั้งบริเวณหลังคารถสำหรับการให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราในรถได้ต่อเนื่องสูงสุด 10 ชั่วโมงโดยไม่ต้องเสียบปลั๊กไฟ
การนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาใช้ ไม่เพียงตอกย้ำว่าธนาคารได้ลงมือสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม แต่ยังทำให้เห็นวิธีการสร้าง Ecosystem ของ Green Lifestyle สามารถทำได้หลายวิธี รวมไปถึงการเลือกสถานที่ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดนัดจตุจักร เอเชียทีค หรือที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจคือการเปลี่ยนบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของธนาคารให้เป็นบัตรที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลทั้งหมด เพราะเป็นการทำให้ลูกค้าเข้าถึง Green Lifestyle ได้ง่ายยิ่งขึ้น
โดยบัตรเครดิตและบัตรเดบิตที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลจะช่วยลดการผลิตเม็ดพลาสติกใหม่ ลดก๊าซเรือนกระจกได้ใบละ 42 กรัมคาร์บอนฯ หรือลดลง 62% จากการใช้วัสดุแบบเดิม โดยเริ่มทยอยส่งมอบบัตรแบบใหม่ให้กับลูกค้าที่ออกบัตรใหม่ บัตรทดแทน และบัตรต่ออายุ เพื่อให้ลูกค้าได้ร่วม GO GREEN Together ใช้ชีวิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ
หากภายใน 7 ปี ธนาคารกสิกรไทยสามารถเปลี่ยนบัตรกว่า 20 ล้านใบได้ทั้งหมด จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 770 ตันคาร์บอนฯ เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 51,333 ต้นเลยทีเดียว
นอกจากผลิตภัณฑ์และบริการที่เล่าไป ดูเหมือนว่าปีนี้ธนาคารกสิกรไทยจะเดินหน้าผลักดันลูกค้าให้ร่วม GO GREEN Together อย่างต่อเนื่อง ผ่านการสนับสนุนเงินทุน องค์ความรู้ และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ตามเป้าหมายที่เคยประกาศไว้ว่าจะพาประเทศไปสู่ Net Zero อย่างยั่งยืน ไปพร้อมๆ กับการสร้าง Green Ecosystem ให้เกิดขึ้นจริง