Apple Vision Pro วางขายไปที่เรียบร้อยแล้วในอเมริกาด้วยราคาแสนบาท แม้ผู้คนในอุตสาหกรรมมองว่าสินค้ากลุ่มใหม่ในรอบหลายปีของ Apple จะยังไม่สามารถสร้างรายได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็อาจเข้ามาตอบคำถามที่ว่า ผู้บริโภคยินดีที่จะสวมใส่คอมพิวเตอร์บนใบหน้าของพวกเขาหรือไม่?
จากคำถามข้างต้นจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ใดที่สามารถตอบคำถามดังกล่าวได้อย่างชัดเจน บางส่วนของผู้ที่เข้ามาก่อนแล้วจะได้รับการตอบรับจากแว่นตาอัจฉริยะที่พาผู้ใช้เข้าสู่โลกเสมือนจริง แต่อุปกรณ์จาก Meta Platforms Inc. และบริษัทอื่นๆ ยังคงดิ้นรนที่จะดึงดูดความสนใจจากกลุ่มลูกค้าทั่วไป
แม้แต่แว่นตาผสมเสมือนจริงที่ผสมผสานองค์ประกอบของโลกจริงและเสมือนจริงก็ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่เจาะกลุ่มเฉพาะ ในความเป็นจริงตลาดแว่นตาโดยรวมกำลังหดตัวลงเมื่อเร็วๆ นี้ สวนทาง Apple ที่เตรียมเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้อย่างเป็นทางการ
ข่าวที่เกี่ยวกัน:
- รีวิวจากผู้ใช้จริง! Apple Vision Pro สมฐานะแว่นตามูลค่า 1.25 แสนบาทหรือไม่? และสิ่งที่ควรถามตัวเองก่อนซื้อ
- Apple จำเป็นต้องดันให้ Vision Pro ออกมาปังจริงไหม ในเมื่อ Meta Quest ก็ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จเลย!
- YouTube และ Spotify จะ (ยัง) ไม่รองรับการใช้งานใน Apple Vision Pro ตามรอย Netflix
นั่นทำให้ Vision Pro กลายเป็นการทดสอบที่สำคัญอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าอุปกรณ์นี้จะมีราคาสูงถึง 3,499 ดอลลาร์ หรือราว 125,000 บาท และอาจไม่สะดวกในการสวมใส่เป็นเวลานาน แต่ก็คาดว่าจะแสดงศักยภาพของหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์นี้ นั่นหมายความว่าแม้แต่คู่แข่งของ Vision Pro ก็กำลังแอบเชียร์ให้มันประสบความสำเร็จ
คำถามที่ใหญ่ที่สุดจะเป็นว่า Vision Pro สามารถเป็นตัวแทนของยุคใหม่ของเทคโนโลยีผู้บริโภคได้หรือไม่ ซึ่งระหว่างงาน WWDC23 Apple ได้เผยโฉม Apple Vision Pro ซึ่งถูกระบุว่าเป็น Spatial Computer สำหรับการประมวลผลเชิงพื้นที่ระดับปฏิวัติวงการที่ผสานคอนเทนต์ดิจิทัลเข้ากับโลกจริงได้อย่างไร้รอยต่อ โดย Apple และคู่แข่งกำลังเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปหลังจากยุคของสมาร์ทโฟน และเทคโนโลยีที่สวมใส่ได้คือการเดิมพันที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด
แต่การพัฒนานี้จะใช้เวลาหลายปี ยอดขายเริ่มต้นของ Vision Pro จะไม่มีนัยสำคัญต่อ Apple ซึ่งคาดว่าจะทำรายได้เกือบ 400 ล้านดอลลาร์หรือราว 3 หมื่นกว่าล้านบาทในปีงบประมาณ 2024 ทว่าในอนาคตเวอร์ชันที่ถูกกว่าและมีขนาดเล็กกว่าของ Vision Pro อาจเป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าทั่วไปมากขึ้น
ในปัจจุบัน อุตสาหกรรม Mixed Reality ถูกครอบงำโดยอุปกรณ์จาก Meta, Sony Group Corp. และบริษัทอื่นๆ ไม่กี่แห่ง Meta ยักษ์ใหญ่ด้านสื่อสังคมออนไลน์เบื้องหลัง Facebook, Instagram และ WhatsApp คิดเป็นเกือบ 50% ของตลาดในไตรมาสที่ 3 ตามข้อมูลจาก Counterpoint Research ส่วน Sony มีส่วนแบ่ง 32%
ยอดจัดส่งลดลงประมาณ 8% เมื่อปีที่แล้วเป็นประมาณ 8 ล้านหน่วย ตามข้อมูลจากบริษัทวิจัย IDC การขาดแอปพลิเคชันที่น่าสนใจเป็นหนึ่งในความท้าทาย และผู้บริโภคหลายคนไม่ชอบความคิดที่จะต้องรัดแว่นตากับศีรษะ
อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ทำให้ผู้ผลิตแว่นตาคนอื่นๆ ต้องเผชิญยังไม่จำเป็นต้องถูกแก้ไขโดย Apple Vision Pro มีขนาดใหญ่และผู้ทดสอบบางคนพบว่ามันหนักเกินไปที่จะสวมใส่เป็นเวลานาน ทำให้ยากที่จะใช้งานทดแทนแล็ปท็อป และยิ่งไม่ต้องพูดถึงทางเลือกแทนโทรศัพท์
แต่ก็มีตัวเลขที่น่าประทับใจคือ Apple ขาย Vision Pros ประมาณ 180,000 เครื่องในช่วงการสั่งซื้อล่วงหน้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่มีอะไรเมื่อเปรียบเทียบกับ iPhone ที่ยอดขายรายปีนับเป็นร้อยล้านเครื่อง แต่เป็นตัวเลขที่น่าสนใจอย่างมากในอุตสาหกรรม Mixed Reality
ทีนี้ก็ต้องมาดูกันว่า ในที่สุดแล้วการมาของ Apple Vision Pro จะสามารถตอบคำถามว่า ผู้บริโภคยินดีที่จะสวมใส่ ‘คอมพิวเตอร์’ บนใบหน้าของพวกเขาหรือไม่? ซึ่งเป็นสิ่งที่คนในอุตสาหกรรมกำลังรออยู่เหมือนกัน
ภาพ: Courtesy of Apple
อ้างอิง: