ถึงแม้ว่าการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจโลกเคลื่อนไปข้างหน้า และเป็นกิจกรรมโปรดของหลายๆ คนก็ตาม แต่ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยซิดนีย์กลับแสดงให้เห็นผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของการท่องเที่ยวมากกว่าที่เราคิด
อรูนิมา มาลิค นักวิจัยประจำมหาวิทยาลัยซิดนีย์และเพื่อนร่วมงาน ประมาณการณ์การเกิดภาวะเรือนกระจกจากการท่องเที่ยวใน 160 ประเทศพบว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้น ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ราวๆ 4.5 กิกะตัน หรือราวๆ 4,500 ล้านตันในแต่ละปี คิดเป็น 8% ของก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยสู่บรรยากาศโลก
โดยประมาณการณ์ครั้งล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 1-2 กิกะตันต่อปี ซึ่งสาเหตุที่ค่าประมาณการณ์ครั้งใหม่สูงขึ้นนั้นเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ ทีมงานทำการสำรวจเฉพาะเจาะจงไปที่การปล่อยก๊าซทางตรงจากการขนส่งทางอากาศเท่านั้น แต่ในครั้งใหม่นี้ทีมงานได้เพิ่มการปล่อยก๊าซทางอ้อมไว้ด้วย ซึ่งรวมไปถึงกระบวนการผลิตอาหารเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว การดูแลรักษาที่พักหรือโรงแรม และการผลิตของที่ระลึก ซึ่งผลสำรวจในปี 2013 สิ่งเหล่านี้ทำให้การท่องเที่ยวทั่วโลกแต่ละปีมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น 1-2 กิกะตันนั่นเอง
นอกจากนี้ ทีมงานวิจัยยังพบว่าการปล่อยรอยเท้าคาร์บอน หรือ Carbon Footprint ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวนั้นมีประมาณเพิ่มอย่างรวดเร็วในแต่ละปี จาก 3.9 กิกะตันสู่ 4.5 กิกะตันในปี 2013 และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต โดยมาลิคคาดการณ์ว่าหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ รอยเท้าคาร์บอนที่เกิดจากการท่องเที่ยวในปี 2025 อาจมีค่าสูงถึง 6.5 กิกะตันเลยทีเดียว
ทั้งนี้ทั้งนั้นผลสำรวจพบว่าประเทศที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการท่องเที่ยวมากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา เนื่องจากประชาชนภายในประเทศนิยมท่องเที่ยวในประเทศตัวเองอยู่เป็นประจำ แต่ประเทศที่มีฐานเศรษฐกิจที่ดีอย่างจีน อินเดีย และบราซิลนั้นก็น่าจับตามองจากการที่ประชาชนผู้มีกำลังซื้อนิยมเดินทางท่องเที่ยวไปยังจุดหมายแปลกใหม่เสมอๆ
อ้างอิง:
- newscientist.com/article/2168174-tourism-is-four-times-worse-for-the-climate-than-we-thought/
- Nature Climate Change, DOI: 10.1038/s41558-018-0141-x