ใครที่อายุมาถึง ‘หลักสี่’ น่าจะเริ่มเข้าใจได้ถึงคำว่าสังขารไม่เที่ยง ยิ่งบางคนอาจรู้สึกได้ว่าสังขารของตัวเองไม่ใช่แค่ไม่เที่ยง แต่เลยไปถึงบ่าย 3-4 แล้ว (เช่นผู้เขียน)
แต่ถ้าเป็นนักกีฬาที่อายุมาถึง 43 ปี มิหนำซ้ำยังมีปัญหาสุขภาพที่เป็นอุปสรรคร้ายแรงสำหรับการเล่นกีฬาอย่างเรื่องข้อเข่าเสื่อม บางทีมันน่าจะถึงเวลาที่เลี้ยงลูกอยู่บ้านได้แล้วใช่ไหม?
ขอแนะนำให้รู้จักกับเรื่องราวของ โรฮัน โบพันนา นักเทนนิสชาวอินเดียวัย 43 ปี ผู้กลายเป็นมือ 1 ของโลกประเภทคู่คนใหม่
เขาทำได้อย่างไรนะ?
เรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อของโบพันนาได้กลายเป็นหนึ่งในไฮไลต์เล็กๆ ของรายการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียนโอเพนที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อเขาจับคู่กับ แมทธิว เอ็บเดน ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมผ่านเข้าถึงรอบ 8 คู่สุดท้ายได้สำเร็จ
ผลงานดังกล่าวทำให้ไม่ว่าโบพันนาและเอ็บเดนจะไปถึงการคว้าแชมป์รายการนี้หรือไม่ พวกเขาคือคู่ชายมือ 1 ของโลกอย่างแน่นอน
ความสำเร็จนี้มีความหมายมากยิ่งขึ้นสำหรับโบพันนา นักเทนนิสชาวอินเดียที่อายุอานามมาถึง 43 ปี เพราะเขากลายเป็นนักเทนนิสที่อายุมากที่สุดที่ขึ้นถึงตำแหน่งมือ 1 ของโลกในประเภทคู่ แซงหน้า ไมค์ ไบรอัน เจ้าของสถิติเดิมที่เคยครองมือ 1 ในวัย 41 ปีเมื่อปี 2019
“นี่คือความฝันของผม” โบพันนาบอกด้วยความภูมิใจ “ยิ่งไปกว่านั้น เวลาที่เล่นกีฬาแบบนี้มานานกว่า 2 ทศวรรษ ผมคิดว่าความวิริยะในกีฬา การทุ่มเทลงไป การสู้ไม่ถอย การมานะบากบั่น และการที่มีคู่ที่ดีอยู่เคียงข้าง ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ผมมาถึงจุดนี้ได้”
จริงอยู่ที่การเล่นเทนนิสประเภทคู่นั้นไม่โหดร้ายต่อร่างกายเท่ากับเทนนิสประเภทเดี่ยว แต่สิ่งที่โบพันนาทำได้ในวัยนี้ก็เป็นความสำเร็จที่น่าชื่นชมอยู่ดี โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงการที่เราต้องพยายามค้นหาอยู่นาน กว่าจะพบว่านักเทนนิสในวัยใกล้ๆ กันในประเภทนี้คนต่อไปอยู่ไกลถึงอันดับที่ 138 อย่าง โทชิฮิเดะ มัตซึอิ (45 ปี)
โบพันนาเล่นเทนนิสอาชีพมาแล้วกว่า 21 ปี ผ่านความสำเร็จมาไม่น้อย โดยคว้าแชมป์ ATP มา 24 รายการ และเคยคว้าแชมป์ระดับแกรนด์สแลมในรายการเฟรนช์โอเพน 2017 โดยจับคู่กับ กาบรีเอลา ดาบรอฟสกี
แต่เมื่อ 4 ปีก่อนเขาเคยคิดที่จะอำลาวงการไปแล้วในช่วงที่โควิดระบาด ซึ่งตัวเขาเองอยู่ในวัย 39 ปี และอยู่อันดับที่ 37 ของโลก
ในช่วงเวลานั้นโบพันนาต้องอยู่บ้านเฉยๆ เป็นเวลานานกว่า 4 เดือน ไม่สามารถเดินทางไปแข่งที่ไหนได้ ไหนจะมีเรื่องของปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรังเกี่ยวกับข้อเข่าที่เสื่อม
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ช่วงเวลา 4 เดือนที่ว่างเปล่านั้นทำให้โบพันนาค้นพบสิ่งสำคัญที่ช่วยจุดไฟให้ชีวิตของเขากลับมาได้อีกครั้ง
“ในช่วง 4 เดือนที่อยู่ที่บ้าน ผมพยายามหาว่าผมจะทำอะไรดี แล้วผมก็ได้พบกับการเล่นโยคะ”
โยคะที่เขาค้นพบคือไอเยนการ์โยคะ (Iyengar Yoga) ซึ่งคิดค้นโดย B.K.S. Iyengar เป็นการเล่นโยคะแบบจัดท่าให้กระจายน้ำหนักผ่านแขน ขา และกระดูกสันหลังอย่างเหมาะสม (Alignment)
ไอเยนการ์โยคะมีการใช้อุปกรณ์ในการช่วยฝึก เช่น เข็มขัดโยคะ, ผนังห้อง, เก้าอี้ และหมอนรอง เพื่อให้ฝึกได้อย่างปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อนแต่ต้องการลองฝึกโยคะ
โบพันนาพบว่ามีครูเปิดสอนไอเยนการ์โยคะใกล้บ้าน ทำให้เขาไม่ต้องเสี่ยงเดินทางไกล โดยในช่วงโควิดที่ต้องพักการแข่งขัน เขาเข้าคลาสโยคะถึงสัปดาห์ละ 4 วัน โดยจะเรียนวันละ 90 นาทีด้วยกัน
การเรียนโยคะเปลี่ยนชีวิตของโบพันนาได้อย่างมหัศจรรย์
อย่างแรกคือเรื่องของร่างกาย อย่างที่บอกว่าเขามีปัญหาเกี่ยวกับข้อเข่าเสื่อม ซึ่งตลอดชีวิตได้ผ่านการรักษามามากมายหลายรูปแบบแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จสักอย่างเดียว สำหรับคนที่มีปัญหาแบบเดียวกันก็จะเข้าใจว่าข้อเข่าเสื่อมนั้นส่งผลกระทบต่อชีวิตมากแค่ไหน อย่าว่าแต่การใช้ชีวิตทั่วไป การต้องไปแข่งขันกีฬาระดับอาชีพยิ่งเป็นเรื่องที่ทรมานสังขารมากขึ้นอีกหลายเท่า
แต่ไอเยนการ์โยคะช่วยทำให้ร่างกายของเขายืดหยุ่นได้ดีกว่าเก่า ร่างกายคนเรานั้นยิ่งยืดหยุ่นดีเท่าไรก็จะยิ่งส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวมากขึ้นเท่านั้น
ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องการสำหรับการเตรียมร่างกายจึงไม่ใช่เรื่องของการเสริมสร้างความแข็งแรง แต่เป็นการปรับรูปแบบการฝึกซ้อมให้เหมาะสมกับวัยด้วยการหันไปเน้นเรื่องการสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่จะช่วยการเคลื่อนไหว ที่เหลือคือเรื่องของการฟื้นฟูร่างกายด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การอาบน้ำแข็ง การยืดเหยียด และการคูลดาวน์
นักเทนนิสวัยเก๋ายังจ้างนักกายภาพโดยขอให้เสริมกล้ามเนื้อควอด (กล้ามเนื้อมัดใหญ่ของร่างกายบริเวณหน้าขา) เสริมกล้ามเนื้อแฮมสตริง (กล้ามเนื้อด้านหลังขา) และกล้ามเนื้อก้น
“เพราะพอผมทำพวกนี้แล้ว ผมก็ไม่รู้สึกเจ็บอีกเลยในระหว่างการแข่ง” โบพันนาบอก
นักเทนนิสวัย 43 ปียังมีไฟคึกคักที่จะทำท่าดีใจแบบนี้
มากกว่าแค่ร่างกาย การเล่นโยคะยังช่วยทำให้จิตใจของเขาสงบลงยิ่งกว่าเดิม มีสมาธิมากขึ้น ไม่รู้สึกรีบร้อนยามอยู่ในสนามแข่งด้วย
เมื่อร่างกายไม่เจ็บ จิตใจแจ่มใส ต่อให้วัย 43 ปีที่มีปัญหาข้อเข่าก็ไม่ใช่อุปสรรคใดๆ สำหรับเขาอีก
ที่เหลือคือเรื่องของพลังใจและทีมเวิร์ก ซึ่งการจับคู่กับเอ็บเดนก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยเช่นกัน
เพราะถ้าคู่แข่งตีลูกหยอดมา โบพันนาจะบอกทันทีว่า “เอ็งไปเลย ข้าไม่วิ่ง”
ผ่าม!
อ้างอิง: