อิตาลีอาจจัดการเลือกตั้งรอบที่ 2 ในอีก 2 เดือนข้างหน้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังพรรค Five Star Movement (M5S) และกลุ่มการเมืองแนวกลาง-ขวา นำโดย Northern League หรือ Lega Nord ซึ่งกวาดคะแนนเสียงรวมกันมากที่สุดในศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ต่างก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลผสมเพื่อทลายภาวะสุญญากาศทางการเมืองได้
ที่ผ่านมา ลุยจิ ดิมาโย หัวหน้าพรรค M5S และมัตเตโอ ซัลวินี จากพรรค Lega Nord ได้เจรจากับประธานาธิบดีเซอร์จิโอ มัตตาเรลลา แล้วหลายรอบเพื่อผ่าทางตัน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากทั้งสองพรรคต่างคัดค้านแนวคิดจัดตั้งรัฐบาลรักษาการที่จะเข้ามาบริหารประเทศชั่วคราวจนถึงสิ้นปีนี้ พร้อมสะสางปัญหาเร่งด่วน โดยเฉพาะการอนุมัติงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ 2019
หลังตกลงกันไม่ได้ ดิ มาโย และซัลวินีจึงเสนออีกทางออกคือการจัดการเลือกตั้งใหม่อีกครั้ง และได้กำหนดให้เป็นวันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม
ก่อนหน้านี้ ดิ มาโย และซัลวินีต่างเคยแสดงจุดยืนคัดค้านการฟอร์มรัฐบาลเทคโนแครตที่เลือกโดยประธานาธิบดีในฐานะประมุขรัฐ พร้อมกับเสนอว่าศึกเลือกตั้งรอบที่ 2 ควรเป็นการเลือกตั้งชี้ขาดที่วัดกันระหว่างพรรค M5S กับพรรคแนวร่วมฝ่ายขวา
“มันชัดเจนว่าเหลือพรรคการเมืองเพียง 2 พรรคที่จะขับเคี่ยวกันเพื่อคว้าชัยในการบริหารประเทศ และประชาชนชาวอิตาลีจะเป็นคนเลือก” ดิ มาโย กล่าว
ทั้งนี้หากพรรค M5S สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้สำเร็จอาจสร้างความวิตกให้กับสหภาพยุโรป (EU) มากขึ้น เนื่องจากพรรค M5S ชูนโยบายต่อต้านการรวมกลุ่มกับ EU หรือ Eurosceptic ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ดิ มาโย อาจตัดสินใจผลักดันอิตาลีให้แยกตัวออกจาก EU เหมือนกับสหราชอาณาจักร (Brexit)
ขณะที่ Lega Nord ของซัลวินีเป็นพรรคขวาจัดที่ต่อต้านการรับผู้อพยพ ดังนั้นการจัดตั้งรัฐบาลของซัลวินีอาจส่งผลต่อการกำหนดนโยบายต่างประเทศใหม่ของอิตาลี ในขณะที่อิตาลีเป็นหนึ่งในประตูทางเข้ายุโรปที่สำคัญที่สุดของผู้อพยพจากแอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย
อ้างอิง: