วันนี้ (24 มกราคม) ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งในฐานะผู้ร้อง ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้ถูกร้อง เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง สส. บัญชีรายชื่อ
เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ สส. ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ ซึ่งวันนี้พิธาเดินทางไปรับฟังคำวินิจฉัยด้วยตนเอง
โดยผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญมีมติโดยเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 วินิจฉัยว่าในวันที่ 4 เมษายน 2566 ซึ่งเป็นวันที่พรรคก้าวไกลยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัคร สส. บัญชีรายชื่อต่อ กกต. ในวันดังกล่าว บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ไม่ได้ประกอบกิจการหรือมีรายได้จากกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ดังนั้นพิธาจึงมิใช่ผู้มีลักษณะต้องห้าม สมาชิกภาพ สส. ของพิธาไม่สิ้นสุดลง
ต่อมาเวลา 15.00 น. พิธาให้สัมภาษณ์หลังฟังคำตัดสินว่า ตนรู้สึกเฉยๆ เป็นปกติ จากนี้พร้อมที่จะเดินหน้าทำงานต่อไป ซึ่งภารกิจแรกคือจะแถลงแผนงานประจำปีที่ได้รับมอบหมายจากชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ส่วนจะกลับเข้าปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรได้เมื่อไรนั้น ต้องรอกระบวนการทางศาลรัฐธรรมนูญกับสภาให้เรียบร้อยก่อน
“จะทำหน้าที่ สส. ให้สมกับที่รอมา วันนี้ในใจคิดแต่เรื่องการทำงาน และรอเวลาว่าจะได้กลับเข้าสภาเมื่อไร ทั้งนี้การทำงานการเมืองในฐานะฝ่ายค้านจะต้องเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง จะรีบกลับไปเสริมทัพทำงานร่วมกับสมาชิกพรรคก้าวไกล ถ้าสภาไฟเขียวเมื่อไรก็จะกลับไปวันนั้นเลย” พิธากล่าว
พิธากล่าวต่อว่า ในส่วนการปรับโครงสร้างของพรรคก้าวไกลต้องปล่อยให้เป็นไปตามวาระ ตนยังไม่มีแผนการว่าจะกลับเข้าไปเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลในตอนนี้
เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เตือนคู่กรณีว่า การตัดสินคดีล่าช้าเนื่องจากมีการเลื่อนชี้แจงมา 2 ครั้ง รวม 60 วัน และเตือนเรื่องการให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีไม่ว่าจะเป็นบวกหรือลบถือเป็นการไม่สมควร พิธากล่าวว่า ที่ผ่านมาระมัดระวังมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นคำเตือน การเลื่อนชี้แจงต่อศาล 2 ครั้ง ซึ่งตนเป็นคนขอยื่นเรื่องเลื่อนชี้แจงเพื่อความละเอียดรอบคอบ ในส่วนของการให้สัมภาษณ์ยืนยันว่ามีการระมัดระวังมาโดยตลอด และจะระมัดระวังต่อไป บางครั้งก็มีข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง อาจเป็นความเข้าใจผิดของสื่อมวลชน จึงจำเป็นที่จะต้องอธิบายเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดหรือความคลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า จนถึงตอนนี้ประชาชนยังเรียกพิธาว่า ‘นายกฯ’ อยู่ พิธากล่าวว่า จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตามรายชื่อ หากมีอุบัติเหตุทางการเมืองหรืออะไรเกิดขึ้น สภาก็ยังมีการพูดคุยถึงคนที่อยู่ในบัญชีนายกฯ ซึ่งตนก็ยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคก้าวไกล
เมื่อถามว่า จะมีการดำเนินคดีกับ กกต. หรือไม่ พิธากล่าวสั้นๆ ว่า ไม่มี เมื่อถามต่อว่า ยังมั่นใจถึงการวินิจฉัยคดีมาตรา 112 ในวันที่ 31 มกราคมนี้หรือไม่ พิธากล่าวว่า ยังมีความหวังอยู่เสมอ
สำหรับบรรยากาศที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมวลชนจำนวนหนึ่งมาให้กำลังใจพิธา ซึ่งหลังจากศาลอ่านคำวินิจฉัย มวลชนต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ ตะโกนพร้อมกันว่า นายกฯ พิธา
นอกจากนี้ พิธายังโพสต์เฟซบุ๊กเป็นภาพและข้อความสั้นๆ ระบุว่า “ขอขอบคุณทุกกำลังใจครับ”
มีรายงานว่าสำหรับแผนงานของพิธาในสัปดาห์นี้จะมีการแถลงแผนงานประจำปีของพรรคก้าวไกล MFP’s Strategic Roadmap ในวันศุกร์ที่ 26 มกราคมนี้