วายแอลจี (YLG) เผย ปีนี้นักลงทุนรุ่นใหม่เริ่มเบนเข็มสู่ตลาดทองคำมากขึ้น โดยเฉพาะการเทรดทองออนไลน์ พร้อมย้ำว่าภาพรวมตลาดทองคำปีนี้เป็นขาขึ้น มีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แนะนักลงทุนหน้าใหม่ยังมีโอกาสเข้าเล่นรอบเก็งกำไรระยะสั้น
พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวถึงปี 2567 ว่าเป็นปีที่มีนักลงทุนรุ่นใหม่เข้ามาลงทุนในทองคำมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลล่าสุดพบว่าสัดส่วนนักลงทุนทองคำออนไลน์เกือบครึ่งมีอายุต่ำกว่า 40 ปี อย่างไรก็ดี แม้ว่านักลงทุนรุ่นใหม่จะสนใจลงทุนทองคำแบบซื้อ-ขายเล่นรอบ แต่บางส่วนก็ต้องการซื้อทองคำกายภาพเพื่อนำไปถือครองไว้ หรือมอบเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน เป็นต้น
สำหรับปี 2567 นั้น YLG มีคำแนะนำสำหรับนักลงทุนมือใหม่ในการลงทุนทองคำหลักๆ 4 ข้อดังนี้
- เลือกลงทุนผ่านร้านทองที่เชื่อถือได้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันที่มิจฉาชีพหลอกลงทุนในทองคำมีจำนวนมาก โดยมีจุดสังเกตคือจะมีข้อความจูงใจว่าจะสามารถทำกำไรได้สูงเกินจริงภายในระยะเวลาอันสั้น ทั้งนี้ แม้ว่าเพจต่างๆ จะนำรูปของผู้บริหารร้านทองและรูปทองที่มีสัญลักษณ์ร้านทองที่มีชื่อเสียงไปใช้ในการโปรโมตก็ไม่ได้การันตีว่าเป็นเพจจริงเสมอไป ซึ่งหากนักลงทุนไม่แน่ใจ สามารถตรวจสอบรายชื่อสมาชิกค้าทองคำแห่งประเทศไทยได้จากสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย
- ลงทุนในทองคำ 99.99 ทำได้กำไรได้ดีกว่า 96.5 เนื่องจากทอง 99.99 เป็นที่ยอมรับในระดับโลก สามารถนำไปขายที่ตลาดต่างประเทศได้ รวมถึงให้ส่วนต่างราคาที่ดีกว่า 96.5 โดยทองคำ 99.99 ที่จะนำไปขายต่างประเทศนั้นจะต้องเป็นทองคำที่ซื้อจากร้านที่ได้รับการรองรับจากสมาคมตลาดทองคำแห่งลอนดอน หรือ LBMA
- ไม่ไล่ราคาขณะที่ทองคำปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง หากต้องการเล่นรอบเพื่อทำกำไร ควรจะต้องวางแผนอย่างรอบคอบและรอให้ราคาปรับตัวลงก่อน เพื่อรอทดสอบตามบริเวณแนวรับที่มีนัยสำคัญแล้วค่อยพิจารณาเข้าซื้อ
- สำหรับการลงทุนในทองคำกายภาพ หากต้องการซื้อเพื่อลงทุน การลงทุนในทองคำแท่งจะมีต้นทุนต่ำกว่าทองรูปพรรณ เนื่องจากไม่มีค่ากำเหน็จ อีกทั้งขายได้ราคาดีกว่า สามารถขายได้ตามราคาเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ แต่ทองรูปพรรณนอกจากจะโดนหักค่ากำเหน็จแล้ว หากไม่ได้นำไปขายร้านเดิมที่ซื้อมาจะได้ราคาต่ำกว่า
สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ามาลงทุนทองคำในปีนี้แต่กังวลว่าราคาทองคำยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงนั้น ยังคงสามารถเข้ามาลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นได้ โดยรอเข้าซื้อจังหวะที่ราคาปรับตัวลงมาทดสอบบริเวณแนวรับสำคัญ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับถัดไป 1,982 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 2,071-2,089 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ขณะที่ทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ประเมินแนวรับที่บริเวณ 32,800-33,100 บาทต่อบาททองคำ และแนวต้านพิจารณาที่โซน 34,300-34,600 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณด้วยค่าเงินบาท 34.95 บาทต่อดอลลาร์ ณ วันที่ 9 มกราคม 2567 เวลา 15.35 น.)
อย่างไรก็ดี ภาพรวมการเคลื่อนไหวของทองคำปี 2567 จะยังคงเป็นขาขึ้น และมีโอกาสทำนิวไฮ เนื่องจากปีนี้ปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำมีมากกว่าปัจจัยลบ โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ เข้าสู่วงจรขาลง อีกทั้งความกังวลการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งสอดคล้องกับทางด้าน JP Morgan ที่คาดการณ์ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 โดยจะพุ่งทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งที่ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ระหว่างทางอาจจะมีแรงเทขายทำกำไรสลับออกมา นักลงทุนจึงต้องซื้อขายอย่างระมัดระวัง