วันนี้ (28 ธันวาคม) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เชิญรัฐมนตรีแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมรับประทานอาหารกลางวันเพื่อหารือเตรียมพร้อมอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ซึ่งใช้เวลาการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง
โดยรัฐมนตรีที่เข้าร่วมวงรับประทานอาหารประกอบด้วย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, เทวัญ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนากล้า, ไผ่ ลิกค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ, สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ
ภูมิธรรมระบุว่า การหารือในวันนี้นายกฯ ขอให้รัฐมนตรีพักผ่อนในช่วงปีใหม่ให้เต็มที่ ปีหน้าจะได้มาทำงานกันอย่างหนักหน่วง อย่างที่นายกฯ บอกทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซึ่งในช่วงต้นปีจะมีเรื่องของงบประมาณปี 2567
ส่วนสัดส่วนโควตาพรรคร่วมรัฐบาลในกรรมาธิการงบประมาณ ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ผ่านมามีการรายงานว่า ที่ประชุมพรรคร่วมรัฐบาลมีการประท้วง เนื่องจากมีการเสนอชื่อกรรมาธิการสามัญแต่ของพรรคเพื่อไทย ภูมิธรรมยืนยันว่า ไม่มีประเด็นนี้ หากดูจากฐานที่เป็นจริงในวันนี้และรายละเอียด นายกฯ บอกให้ไปคุยกันในวิป ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งขณะนี้สำนักงบประมาณมีการเสนอจำนวน 64 คน ซึ่งรัฐบาลเสนอขอให้มี 72 คนตามที่เคยทำ โดยธรรมเนียมปฏิบัติเดิมซึ่งเดี๋ยวจะต้องไปคุยกัน
ภูมิธรรมยังระบุอีกว่า นายกฯ ได้มอบหมายให้ตนเป็นประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณ โดยมีการมอบหมายในที่ประชุม ครม. วันอังคารที่ผ่านมา (26 ธันวาคม)
ส่วนการประเมินสถานการณ์การเมืองในปีหน้า 2567 ว่าจะมีอะไรทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอม ทั้งกระแสของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ภูมิธรรมกล่าวว่า ตนไม่ได้ประเมินเพราะทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ และเป็นไปตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งเรื่องของทักษิณเป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบ ในปี 2560 เป็นไปตามหลักสากลโดยตามหลักสิทธิมนุษยชน พร้อมกับระบุว่าเรื่องนี้มีการจุดประเด็นให้เป็นกระแสดราม่าขึ้นมาในสังคมเท่านั้น แต่หากดูเรื่องหลักยุติธรรมและความเป็นจริงก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
ภูมิธรรมกล่าวว่า การอภิปรายงบฯ ที่จะเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ต้องมาดูวิธีคิดของพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะจัดงบกันแบบไหน ซึ่งในวันที่เปิดการอภิปรายงบประมาณ นายกฯ จะเป็นผู้ชี้แจงในรายละเอียด พร้อมขอให้ผู้ร่วมอภิปรายฟังนายกฯ เพื่อประชาชนจะได้เข้าใจ หากทุกอย่างเป็นไปตามกรอบก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร พร้อมขออย่าใช้วิธีเอางบประมาณเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ขอให้เอาเรื่องการรักษาผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก
ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 หรือ 152 ก็ถือเป็นสิทธิอยู่แล้ว แต่อาจลำบากเนื่องจากเพิ่งเริ่มต้นทำงาน และงบประมาณในการทำงานก็ยังไม่มี เป็นเพียงการเตรียมพื้นฐานรองรับ ตนเชื่อว่าสามารถชี้แจงได้ และประชาชนเองก็เห็นได้อยู่แล้ว ว่าการทำงานที่ทำอยู่นี้ไม่มีงบประมาณ กว่าจะเดือนพฤษภาคมเราก็ทำผลงานออกมาได้มากมาย
ขณะเดียวกันภูมิธรรมยังชี้แจงถึงกรณีการแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรีใหม่ โดย กระทรวงยุติธรรมไม่ได้อยู่ภายใต้กำกับดูแลของ สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ว่าไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการวิพากษ์วิจารณ์คดีทักษิณ
อย่างที่ทุกคนทราบดีอยู่ฉายาของตนคือ รองกอง งานมากองอยู่ที่ตนจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีการจัดสรรใหม่ ซึ่งตนได้กำกับดูแลกระทรวงพาณิชย์, กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกัน
ด้าน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายกฯ ได้กำชับให้ทุกพรรคเตรียมความพร้อมสูงสุด และต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน
เมื่อถามถึงการประชุม ครม. ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวว่ามีการประท้วงเรื่องสัดส่วนกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ในสัดส่วนของ ครม. ที่มีการเสนอเพียงสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น อนุทินกล่าวว่า เป็นเพียงการถามให้กระจ่างเนื่องจากผู้เสนอเป็นฝั่ง ครม. พรรคเพื่อไทย จึงอยากรู้ว่าในฝั่งของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ เหลืออีกเท่าไร เพื่อจะได้ไปเตรียมจัดบุคลากรที่เหมาะสม ไม่ได้มีปัญหาอะไร และไม่มีอะไรนอกจากนี้ ขณะที่นายกฯ เองก็มองว่าควรที่จะมีการจัดสัดส่วนให้เหมาะสม ซึ่งรายชื่อของคณะกรรมาธิการทั้ง 18 คนในสัดส่วนของกรมก็น่าจะแล้วเสร็จก่อนการอภิปรายงบประมาณวันสุดท้าย
เมื่อถามถึงการประเมินสถานการณ์การเมืองในปีหน้า ว่ามีปัจจัยอะไรที่จะทำให้นายกฯ หรือรัฐบาลอยู่ไม่ครบวาระหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า หากดูจากการรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกันวันนี้ ถือว่าดูดีมาก เข้าใจกันทุกฝ่าย เต็มไปด้วยความร่วมมือซึ่งกันและกัน ไม่มีปมร้อนที่จะทำให้รัฐบาลมีปัญหา
เมื่อถามถึงการทำหน้าที่ร่วมกันในรัฐบาลในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีอะไรไม่พอใจหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ก็มีเยอะอยู่ และจะพยายามแก้ปัญหา