หุ้นในตลาดวอลล์สตรีทที่ได้รับผลพลอยได้จากอานิสงส์กระแส Generative AI มากที่สุดในปีนี้คือ NVIDIA ผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ โดยดีดตัวขึ้นถึง 234% เนื่องจากอุปสงค์หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ของ NVIDIA พุ่งทะยานขึ้น โดย GPU ของ NVIDIA ออกแบบมาเพื่อใช้ในการ Train และ Run โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models: LLM)
LLM จาก OpenAI ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย Microsoft และ LLM จากบริษัทอื่นๆ ล้วนพึ่งพาเทคโนโลยีของ NVIDIA เพื่อใช้ในการพัฒนาโมเดลที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งการด้วยข้อความเพื่อสร้างรูปภาพ บทกวี หรือรายงาน PowerPoint ในขณะที่ NVIDIA โกยกำไรมหาศาล โดยกำไรสุทธิในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ทะยานขึ้น 6 เท่าตัวจากปี 2565 และยังมีหุ้นอื่นๆ ของวอลล์สตรีทที่ได้รับการจับตามองในช่วงทำเงินจากกระแส AI เช่นเดียวกัน
ในส่วนของซอฟต์แวร์นั้น หุ้นบริษัท CrowdStrike, HubSpot และ Salesforce ต่างก็พุ่งขึ้นเป็นเท่าตัวในปีนี้ โดยแซงหน้าดัชนี Nasdaq ซึ่งดีดตัวขึ้น 43% ในช่วงปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยบริษัทเหล่านี้ปรับตัวขึ้นหลังประกาศเรื่องการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับ Generative AI
แต่เมื่อเอ่ยถึงฮาร์ดแวร์และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้าน AI และรับประกันว่ามีขีดความสามารถเพียงพอแล้ว ที่มาแรงอันดับหนึ่งย่อมหนีไม่พ้น NVIDIA และนอกเหนือจาก NVIDIA ยังมีหุ้นอีก 3 ตัวที่ได้รับอานิสงส์จากกระแส Generative AI
Advanced Micro Devices (AMD): เทคโนโลยีของ AMD ถูกมองว่ามีแนวโน้มมากที่สุดที่จะท้าทายการผูกขาดด้านชิป AI ของ NVIDIA โดยปีนี้หุ้น AMD พุ่งขึ้น 116% ณ ช่วงปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
AMD เพิ่งเปิดตัวหน่วยประมวลผล MI300X เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดชิป AI ซึ่ง Lisa Su ซีอีโอของ AMD คาดการณ์ว่าจะพุ่งขึ้นถึง 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 4 ปีข้างหน้า โดย Meta ประกาศในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่าจะใช้หน่วยประมวลผลใหม่ดังกล่าว เช่นเดียวกับ Microsoft
Arista Networks: นับตั้งแต่เปิดตัวในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเกือบ 1 ทศวรรษก่อน Arista พุ่งแซงหน้า Cisco ในตลาดอุปกรณ์เครือข่ายศูนย์ข้อมูล และจุดยืนในด้าน AI ของ Arista ทำให้หุ้นพุ่งขึ้นถึง 96% ในปีนี้
ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Arista เพิ่ม AI ให้กับหมวดลูกค้าสำคัญ ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า Cloud และ AI Titan โดยรายได้กว่า 40% ในปี 2565 มาจาก Meta และ Microsoft
Cloudflare: เป็นผู้รับประกันว่าคอนเทนต์ออนไลน์จะสามารถส่งถึงผู้ใช้ขั้นสุดท้ายหรือ End User ได้อย่างรวดเร็วผ่านการสร้างเครือข่ายศูนย์ข้อมูลระดับโลก ซึ่งป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ล่ม โดยลูกค้าสำคัญรายหนึ่งของ Cloudflare คือ OpenAI
และหุ้น Cloudflare พุ่งขึ้นถึง 87% ในปีนี้
อ้างอิง: