วันนี้ (25 ธันวาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เรื่อง การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง ที่พบว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีคะแนนสูงกว่า เศรษฐา ทวีสิน และ แพทองธาร ชินวัตร ว่าไม่แปลกอะไร เพราะการสำรวจของโพลก็ต้องดูว่าขึ้นอยู่กับสถาบันไหนบ้าง และกลุ่มตัวอย่างมีจำนวนเท่าไร หรือส่วนใดบ้าง เราก็รับฟังผลโพลทุกส่วนทั้งที่มีทิศทางเดียวกันและแตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือปัญหาพื้นที่ของประชาชนโดยตรง ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังคงสนับสนุนพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรีอยู่
ส่วนประชาชนที่เป็นคนเมืองหรือคนกลุ่มหนุ่มสาวนั้น ภูมิธรรมกล่าวว่า เสียงของพิธายังมีความนิยมอยู่ แต่จริงๆ ต้องอยู่ที่การทำงาน ซึ่งรัฐบาลนี้เข้ามาในช่วงแรกก็ยังยุ่งในการทำงาน แต่หลังการทำงานก็ต้องดูกันว่าประชาชนจะรู้สึกหรือยอมรับอย่างไร พร้อมย้ำว่าความนิยมไม่เท่ากับผลงานที่รับใช้ประชาชน
ภูมิธรรมกล่าวว่า 3 เดือนเร็วไปนิดนึงสำหรับการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เหมือนกับที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะรัฐบาลเพิ่งเข้ามาทำงานก็เจอแต่ปัญหา ซึ่งเป็นปัญหาที่สะสมมา 9-10 ปีจากการรัฐประหารของประเทศ ทั้งนี้รัฐบาลมีเวลา 4 ปี แต่หลังจาก 4 ปีประชาชนก็จะเป็นผู้ตัดสิน ว่าใครพูดใครทำและสร้างประโยชน์ให้ประชาชนได้ดีที่สุด โดยการดำเนินการขณะนี้ถือเป็นการปูรากฐาน และที่สำคัญรัฐบาลไม่มีเงินลงทุน ไม่มีเงินทำงาน เพราะงบประมาณเป็นช่วงรอยต่อ ส่วนงบประมาณปี 2567 กำลังจะเข้าต้นปีและเงินที่จะสามารถจะมาดำเนินการได้ก็จะเป็นช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป
ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเราใช้เงินในการบริหาร โดยเอาธนาคารของรัฐเข้ามาช่วยหรือเป็นเงินที่หยิบตรงนั้นมาโปะตรงนี้ ฉะนั้นการทำงานในวันนี้คือการสร้างรากฐาน และเป็นการเตรียมพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาในอนาคตต่อไป
“ปี 2567 จะเป็นปีที่ทุกคนจะได้เห็นว่าฝีมือการทำงาน คนก็จะเริ่มเข้าใจแล้วว่า ในช่วง 3 เดือนที่รัฐบาลดำเนินการมาได้ปูรากฐานอะไรไว้บ้าง”
ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ในส่วนของตนที่กำกับดูแล กระทรวงพาณิชย์ก็ทำนโยบายเรื่องลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ ซึ่งไม่มีการใช้เงินรัฐ เพราะดึงบริษัทต่างๆ เข้ามาช่วยกัน เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน และหลายบริษัทก็ยอมขาดทุน เพราะเป็นการช่วยเหลือประชาชน ถ้าประชาชนแข็งแรงก็จะเอื้อในเรื่องเศรษฐกิจได้ดี และทำให้ระบบขับเคลื่อนไปได้
เมื่อถามว่า มั่นใจว่าผลงานรัฐบาลจะเป็นตัวดึงคะแนนความนิยมกลับคืนมาได้ใช่หรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ตนมองว่าเรื่องผลงานเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการดึงความรู้สึกของประชาชน เพราะถ้าเห็นว่ารัฐบาลตั้งใจจริงและสามารถแก้ไขปัญหาได้ ประชาชนก็จะพึงพอใจ แต่สิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือเรามีความสามารถเหนือกว่าพรรคการเมืองอื่น คือการลงไปพบปะกับประชาชนโดยตรง เราเชื่อมั่นว่าสมาชิกพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่ก็ได้รับเสียงสนับสนุนแนบแน่นและแข็งแรง แต่อาจต้องปรับปรุงการสื่อสารกับประชาชนและเยาวชนให้มากขึ้น โดยการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งพรรคยังไม่แข็งแรงในเรื่องนี้ ทำให้การสื่อสารยังคงมีข้อจำกัด
ภูมิธรรมกล่าวว่า เชื่อว่าหลังจากที่มีการปรับปรุงพรรคใหม่และมีหัวหน้าพรรคคนใหม่คือแพทองธาร รวมถึงกรรมการบริหารพรรครุ่นใหม่ การปรับตัวต่างๆ จะทำให้เข้าถึงทุกกลุ่มทุกวิชาชีพ รวมถึงเยาวชนได้มากขึ้น เชื่อว่าการสื่อสารในเรื่องของวิสัยทัศน์ผลงาน การสื่อสารกับประชาชนมากขึ้น จะเป็นผลทำให้สิ่งต่างๆ พัฒนาดีขึ้น