พรรครวมไทยสร้างชาติคือหนึ่งในพรรคที่มีจุดยืนทางการเมืองชัดเจน และนิยามตนเองตลอดว่าเป็น ‘พรรคอนุรักษนิยมก้าวหน้า’ ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ภายใต้แม่เหล็กที่ดึงดูดประชาชนโดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีและสมาชิกพรรค
ดังนั้นวันที่ 15 ธันวาคม รายการ THE STANDARD NOW ดำเนินรายการโดย อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ธนกร วังบุญคงชนะ สส. บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กับการเปิดใจทุกเรื่องในวันที่พรรคไม่มี พล.อ. ประยุทธ์ และทิศทางของพรรครวมไทยสร้างชาติหลังจากนี้
พล.อ. ประยุทธ์ ยังอยู่ในใจฝั่งอนุรักษนิยม
“ต้องยอมรับว่าคะแนนเสียงที่ได้ของพรรครวมไทยสร้างชาติมาจาก พล.อ. ประยุทธ์ และนโยบายที่พรรคทำไว้ แต่ทุกคนยังยึดมั่นในหลักการที่ พล.อ. ประยุทธ์ วางไว้ เพราะท่านยังอยู่ในใจพวกเรา“ ธนกรเริ่มต้นบทสนทนา
หากอ้างอิงตามคำพูดของ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ระบุจุดยืนอย่างชัดเจนว่าเป็น ‘พรรคอนุรักษนิยมก้าวหน้า’ ที่ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
“จุดยืนของเราทุกคนก็เห็นว่านโยบายที่เกี่ยวข้องสามารถทำได้จริง ทุกวันนี้หลายคนยังฝากความคิดถึงถึง พล.อ. ประยุทธ์ ต่อตนเอง เพราะได้ทำในหลายๆ นโยบาย เช่น คนละครึ่ง หรือชิมช้อปใช้ ซึ่งใครที่มองว่าเศรษฐกิจแย่ ผมมองว่าไม่ได้แย่มากเหมือนที่คนอื่นๆ คิด” ธนกรกล่าว
รัฐบาลเพื่อไทยอยู่ครบ 4 ปีแน่นอน!
“รัฐบาลครบ (4 ปี) อยู่แล้ว ไม่มียุบสภาหรอก เป็นไปไม่ได้” ธนกรกล่าวด้วยความมั่นใจ
พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นฝ่ายรัฐบาลมานาน ฉะนั้นคงเป็นไปได้ยากที่จะอยู่ไม่ครบ 4 ปี เพราะเสียงฝั่งรัฐบาลท่วมท้นมาก และไม่มีความหมายที่กลุ่มไหนจะขยับเสียง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อยู่แล้วทำอะไรให้ประชาชนเต็มที่หรือเปล่า อย่าไปสนใจว่าจะอยู่ในระยะสั้นหรือยาว
พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ต้องไม่แตะมาตรา 112
หนึ่งเรื่องที่พรรครวมไทยสร้างชาติมีจุดยืนชัดเจนคือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ให้กับผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งธนกรระบุชัดว่าสามารถทำได้
แต่หากจะแตะต้องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไม่สามารถทำได้เป็นอันขาด เนื่องจากอาจมีเจตนาว่าทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
“ผมเห็นด้วยกับหลายนโยบายก้าวไกล ไม่ได้มีปัญหากับก้าวไกล แต่บางอย่างที่ทำร้ายจิตใจท่านก็ไม่ควรทำ อย่างเช่น การเดินหน้า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะเป็นบ่อเกิดแห่งความขัดแย้งต่อไปหรือไม่ถ้าไม่ได้ถอยมาตรา 112” ธนกรขยายความ
ฉะนั้นพรรครวมไทยสร้างชาติขอเสนอ พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขเพื่อความสามัคคีทางการเมือง ซึ่งมีจุดประสงค์คือ อยากให้สังคมมีความสุข โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ ต้องไม่นิรโทษกรรมด้วยมาตรา 112, คดีทุจริต และทำให้เสียชีวิต
เลือกตั้งครั้งหน้า = ทุกพรรครวมตัวสู้ก้าวไกล?
มีความเป็นไปได้ที่ทุกพรรคจะรวมตัวเพื่อสู้กับพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะหากมองพรรคในอนาคตจากนี้ โอกาสที่จะเกิดพรรคเล็กคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากกติกาตามรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ได้ตอบสนองต่อพรรคเล็ก ฉะนั้นหากทุกพรรครวมตัวสู้กันคงมีความเป็นไปได้มากกว่า
เจ้าของพรรครวมไทยสร้างชาติคือคนไทย
“ที่บอกว่า (พรรคการเมือง) ไม่มีเจ้าของ พรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีเจ้าของ คนไทยเป็นเจ้าของ ทุกคนเป็นเจ้าของหมด” ธนกรเผย
การที่พรรคก้าวไกลบอกว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของ หากมองผู้นำทางจิตวิญญาณของก้าวไกลก็คือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า
“นั่นหมายความว่าพรรคเขามีเจ้าของหรือเปล่า ผมเชื่อมั่นว่าบางคนในก้าวไกลไม่อยากแตะต้องความคิดในพรรค แต่ด้วยมติพรรคก็เลยต้องจำยอมไป” ธนกรกล่าว
อนาคตรวมไทยสร้างชาติ?
พรรครวมไทยสร้างชาติจำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่ ในวันที่ไม่มี พล.อ. ประยุทธ์ ในสมการของพรรค โดยเฉพาะนโยบายและผู้สมัคร
ดังนั้นการใช้ความซื่อสัตย์ของคนในพรรคและ พล.อ. ประยุทธ์ เพื่อต่อยอดการสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจได้ว่า ‘แม้รวมไทยสร้างชาติจะไม่มี พล.อ. ประยุทธ์ แต่พรรคยังคงเดินหน้าต่อไปได้’
ฉะนั้นอนาคตของพรรครวมไทยสร้างชาติจากนี้คือการต่อยอดสิ่งที่ พล.อ. ประยุทธ์ ได้วางรากฐานไว้ผ่านกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้มีประสบการณ์ภายในพรรคที่ร่วมด้วยช่วยกัน หากไม่ปรับตัว พรรคอื่นๆ ก็อาจแซงรวมไทยสร้างชาติได้
“พรรคการเมืองที่เป็นสถาบันหลักยังมีปัญหาอยู่ต่อเนื่อง แต่พรรครวมไทยสร้างชาติยังไปต่อได้เพราะตนยังอยู่ แต่สิ่งที่สำคัญคือการทำให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีหรือไม่ ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติสามารถช่วยประชาชนตรงจุดนี้ได้” ธนกรระบุทิ้งท้าย