แม้ว่าภาพรวมของหุ้นดาวเด่นหรือ China bulls ในตลาดวอลล์สตรีทของปี 2023 จะไม่ได้เป็นปีที่สดใสจนแทบไม่อยากจดจำแม้แต่น้อย หลังจากที่เปิดต้นปีด้วยการคาดการณ์ทางบวกจากธนาคารเพื่อการลงทุนทั่วโลกหันมามองตลาดในแง่ดีเกือบเป็นเอกฉันท์ แต่กลับต้องพบความผิดหวังอย่างแรกเมื่อดัชนี MSCI China ดิ่งแรงถึง 14%
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทั้งหลายต่างก็ยังมีความหวังเพิ่มขึ้นว่าปี 2024 จะเป็นปีที่ China bulls จะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างดีอีกครั้ง แต่บทเรียนจากครั้งก่อนก็ทำให้นักลงทุนไม่ได้ตั้งความคาดหวังไว้มากจนเกินไป
Steve Wreford ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Lazard Asset Management กล่าวว่า ตลาดหุ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ไม่ต่างอะไรกับการหยุดอยู่กับที่มาโดยตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่เริ่มเห็นสัญญาณความเปลี่ยนแปลงชัดเจนก็คือการรับรู้ของผู้คน (People’s Perceptions) ที่เริ่มมองโลกตามความเป็นจริงที่ค่อนไปทางแง่ร้ายมากขึ้น สำหรับ Wreford ไม่ว่าจะเป็นการมองในแง่ดีหรือแง่ร้ายต่างก็เป็นมุมมองสุดโต่งเกินไป ที่อาจทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งมองข้ามข้อเท็จจริงของตลาด
ทั้งนี้ เมื่อมองย้อนกลับไป การมองโลกในแง่ดีที่ผิดที่ผิดทางของวอลล์สตรีท ทำให้สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญกับการบริโภคที่อ่อนแอไปจนถึงปัญหาที่อยู่อาศัยที่ยืดเยื้อ ตลอดจนความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในภายหลัง ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ยังต้องเผชิญปัญหาเศรษฐกิจ อันเป็นผลจากการประเมินความเต็มใจของหน่วยงานในการเพิ่มการใช้จ่ายทางการคลังในระบบเศรษฐกิจที่เป็นหนี้ที่มากเกินไป ท่ามกลางความยากลำบากในการนำทางในตลาดที่การกำหนดนโยบายมีความคลุมเครือและคาดเดาไม่ได้มากขึ้น
ในที่สุดสถาบันการเงินรายใหญ่ของสหรัฐฯ ต่างตัดสินใจเปลี่ยนท่าทีต่อหุ้นจีนในตลาดวอลล์สตรีทด้วยการปรับลดความคาดหวังลง เริ่มต้นโดย JPMorgan และ Morgan Stanley ที่ตัดสินใจลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจีนในช่วงเดือนสิงหาคม ตามด้วย Goldman Sachs ที่รั้งรอจนถึงเดือนพฤศจิกายน เพื่อปรับลดคำแนะนำสำหรับหุ้นจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกงให้เป็นกลาง พร้อมเตือนให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการลงทุนในหุ้นจีน
นอกจากนี้ เมื่อมองไปในปี 2024 บรรดาธนาคารส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทยังคงมีความกังวลต่อหุ้นจีน แต่ก็ยังให้น้ำหนักความน่าสนใจในการลงทุนในแดนบวก โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าข้อโต้แย้งของธนาคารเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอย่างมาก เนื่องจากจีนในขณะนี้มีปัจจัยหนุนทางบวก ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนนโยบายเพิ่มเติมจากภาครัฐ โมเมนตัมรายได้ที่ดีขึ้น และการประเมินมูลค่าราคาถูก
กระนั้นบทเรียนที่ผ่านมาก็เตือนให้นักลงทุนตระหนักว่าปัจจัยข้างต้นแทบจะไม่สามารถรับประกันผลได้ว่าตลาดหุ้นจีนจะขยับขึ้นได้จริง แม้ว่ารัฐบาลกรุงปักกิ่งจะเพิ่มความพยายามอย่างมากในการบรรเทาปัญหาด้านเงินทุนในหมู่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ขาดแคลนเงินสดของประเทศก็ตาม แต่ภาวะเงินฝืดยังคงเป็นภัยคุกคาม และผู้นำระดับสูงต่างส่งสัญญาณว่ายังคงไม่เต็มใจที่จะรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เข้มข้นมากขึ้น
ดังนั้นการลงทุนในหุ้นจีนยังคงต้องใช้ความระมัดระวังและประเมินสถานการณ์ตามข้อมูลที่ปรากฏ ณ ช่วงเวลานั้น
อ้างอิง: