บริษัทผู้ผลิตของเล่นเริ่มตกที่นั่งลำบาก Hasbro ผู้ผลิตของเล่นสัญชาติอเมริกัน เลิกจ้างพนักงาน 1,100 คน หลังยอดขายของเล่น My Little Pony และ Transformers ลดลงถึง 15% แม้แต่ในช่วงเทศกาลคนก็ยังไม่เลือกซื้อ
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า Hasbro บริษัทผลิตของเล่น Transformers และ My Little Pony เลิกจ้างพนักงานเพิ่มอีก 1,100 คน จากจำนวนพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่ 6,300 คน เนื่องจากยอดขายสินค้าของเล่นเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง
หากย้อนไปก่อนหน้านี้ Hasbro เลิกจ้างพนักงานไปกว่า 800 คนแล้ว แน่นอนว่าหลังจากมีความเคลื่อนไหวออกมา ทำให้วันอังคารที่ผ่านมา (12 ธันวาคม) หุ้นของบริษัทร่วงลงมากกว่า 2% ซึ่งรวมไปถึงหุ้นของคู่แข่งอย่าง Mattel ก็ร่วงลงเหมือนกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘Kidults’ เทรนด์ผู้ใหญ่หัวใจเด็ก นิยมซื้อของเล่น เกม ของสะสม และการ์ด สร้างเม็ดเงินให้บริษัทของเล่นเติบโตขึ้นทุกปี
- ของเล่นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ทำความรู้จักของเล่นที่อาจทำกำไรได้อย่างงาม
- Pokémon พิมพ์การ์ด 9 พันล้านใบในปีที่ผ่านมา โดย ‘นักเก็งกำไร’ บางคนสามารถไปขายต่อได้เพิ่มขึ้น 350 เท่าจาก ‘การ์ดหายาก’
คริส ค็อกส์ ซีอีโอ Hasbro กล่าวว่า นับเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่เราต้องสื่อสารกับพนักงานด้วยความโปร่งใสถึงสิ่งที่บริษัทกำลังเผชิญอยู่ และไม่เป็นอย่างที่เราคาดการณ์เอาไว้ว่า ความท้าทายในการทำตลาดจะอยู่ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2023 เท่านั้น และจะกลับมาคึกคักในช่วงไตรมาส 4 ที่เป็นช่วงเทศกาลของการจับจ่าย แต่กลับไม่เป็นอย่างที่ประเมินเอาไว้ และเริ่มเห็นว่าความท้าทายจะลากยาวไปถึงปี 2024
อีกทั้งยังต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ เริ่มตั้งแต่การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง บริหารจัดการสินค้าในคลัง ควบคู่กับลดต้นทุน ด้วยการลงทุนระบบใหม่ และนำข้อมูลเชิงลึกมาใช้วิเคราะห์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งหมดจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์สินค้า
พร้อมกับการหาโอกาสในการสร้างแบรนด์ใหม่ๆ ที่มีความแตกต่างจากผู้เล่นในตลาด เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต
ขณะที่ผลประกอบการรายไตรมาสล่าสุด Hasbro คาดการณ์ว่ารายได้จะลดลง 13-15% ซึ่งถือว่าลดลงค่อนข้างมาก หรือแม้แต่แบรนด์ยอดนิยมอย่าง My Little Pony, Nerf และ Transformers ก็ลดลงกว่า 18%
เมื่อมาดูในฝั่งของ Mattel บริษัทผู้ผลิตของเล่นที่หลายคนรู้จักกันดีอย่าง ตุ๊กตาบาร์บี้ ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Hasbro มาอย่างยาวนาน ก่อนหน้านี้ยอดขายของ Mattel เติบโตขึ้น 17% จากแรงหนุนของภาพยนตร์เรื่อง Barbie แต่หลังจากกระแสผ่านไปก็เริ่มกลับมาพยายามทำการตลาดอีกครั้ง และระหว่างที่สร้างการเติบโตในธุรกิจของเล่น บริษัทยังเดินหน้าพัฒนาแผนสร้างการเติบโตในธุรกิจอื่นๆ นอกเหนือจากของเล่นไปพร้อมกัน
อ้างอิง: