ฟุตบอลลีกยุโรปเปิดฉากมาร่วม 4 เดือน มีเพียงทีมเดียวเท่านั้นที่ยังสะกดคำว่า ‘แพ้’ ไม่เป็น
ทีมนั้นคือไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เจ้าของสมญา ‘ห้างขายยา’ ที่กลายเป็นปรากฏการณ์ทางเกมลูกหนังที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะในฤดูกาลนี้ลงสนามไปแล้ว 23 นัด ชนะไปถึง 20 นัด เสมอ 3 และไม่แพ้ใครแม้แต่เกมเดียว
ล่าสุดคือเกมที่ถล่มโมลด์ คู่แข่งจากนอร์เวย์ด้วยสกอร์ขาดลอย 5-0 ยึดแชมป์กลุ่มในรายการยูฟ่ายูโรปาลีกมาครองได้อย่างสบายๆ ไม่นับการนำจ่าฝูงบุนเดสลีกาที่ยึดครองอย่างเหนียวแน่น
นั่นทำให้พวกเขาได้รับการเรียกขาน (อย่างน้อยจนถึงตอนนี้) ว่า ‘Neverkusen’ เพราะไม่เคยแพ้ใคร เป็นจ่าฝูงบุนเดสลีกา
แน่นอนว่าคนที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดคือนายใหญ่ของทีมอย่าง ชาบี อลอนโซ อดีตกองกลางที่ได้รับการยกย่องว่าเหนือชั้นและสง่างามมากที่สุดคนหนึ่งของโลก
Passmaster คนนี้สร้างเลเวอร์คูเซนให้เป็นทีมมหัศจรรย์ได้อย่างไร?
ระบบชัดเจน รู้หน้าที่ มีวินัย
ชาบี อลอนโซ เข้ามารับตำแหน่งในทีมเลเวอร์คูเซนต่อจาก เกราร์โด เซโอเน ตั้งแต่เดือนตุลาคมเมื่อปีที่แล้วแบบสร้างความประหลาดใจให้กับใครหลายคนไม่น้อย เพราะไม่มีประสบการณ์ในการทำงานคุมทีมชุดใหญ่มาก่อน มีแค่การคุมทีมเยาวชน U-14 ของเรอัล มาดริด ก่อนจะมาคุมทีมชุดบีของเรอัล โซเซียดาด สโมสรแรกของชีวิตเท่านั้น
แต่ว่าอดีตกองกลางจอมวางบอลสามารถพิสูจน์ตัวเองได้อย่างรวดเร็ว โดยที่แทบไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ
คำพูดของอลอนโซจะถูกส่งผ่านผลงานของเลเวอร์คูเซนในสนามเท่านั้น
ในเวลาไม่นาน นายใหญ่ชาวสเปนซึ่งเติบโตจากครอบครัวฟุตบอลตัวจริงก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเลเวอร์คูเซนให้กลายเป็นทีมฟุตบอลที่เล่นเป็นระบบสมัยใหม่ โดยระบบที่อลอนโซวางไว้สำหรับเลเวอร์คูเซนคือระบบ 3-4-2-1
จากผลงานน่าประทับใจเมื่อปีกลาย ในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมาอลอนโซได้ 4 นักเตะใหม่เข้ามาเติมเต็มทีม ได้แก่ กรานิต ชากา, อเล็กซ์ กริมัลโด, โยนาส ฮอฟมันน์ และ วิคเตอร์ โบนิเฟซ ที่เข้าประจำการในแต่ละจุดที่อลอนโซวางเอาไว้ได้อย่างลงตัว
ยกตัวอย่างเช่น ชากา ห้องเครื่องที่ถูกดึงตัวมาจากอาร์เซนอล ยืนจับคู่กับ เอเซเกียล ปาลาซิออส คอยขับเคลื่อนแดนกลาง โดยมีกริมัลโดและ เฌเรมี ฟริมปง ทำหน้าที่อยู่ริมเส้น ส่วนหน้าที่ในการสร้างสรรค์เป็นของฮอฟมันน์และ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ที่เล่นในแบบ Double 10 ที่จะสนับสนุนโบนิเฟซที่เป็นหัวหอกล่าสังหาร
นักเตะแต่ละคนในทีมเลเวอร์คูเซนมีตำแหน่งและบทบาทที่ชัดเจน ทุกคนรู้หน้าที่ มีวินัย และใส่หัวใจลงในสนาม
ความต่อเนื่องคือหัวใจ
สิ่งที่ทำให้เลเวอร์คูเซนรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีเอาไว้ได้อย่างสม่ำเสมอไม่ได้อยู่แค่เรื่องของระบบการเล่นอย่างเดียว แต่มีเรื่องการจัดทีมด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ ชาบี อลอนโซ ให้ความสำคัญอย่างมาก
สถิติที่น่าสนใจคืออลอนโซมีการเปลี่ยนแปลงทีมน้อยมาก นับจากเปิดฤดูกาลเป็นต้นมาจนถึงต้นเดือนธันวาคม มีการเปลี่ยนแปลงทีมเพียงแค่ 8 ครั้งเท่านั้น น้อยที่สุดในบุนเดสลีกา โดยที่ทีมที่เปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นรองลงมาคือโบคุม และไฮเดินไฮม์ยังมีการเปลี่ยนแปลงทีมถึง 16 ครั้ง
13 นัดแรกในบุนเดสลีกา เลเวอร์คูเซนยังใช้ผู้เล่นชุดเดิมถึง 9 นัดด้วยกัน และมีผู้เล่นถึง 7 คนที่ลงสนามทุกนัด ขณะที่อีก 3 คนเป็นตัวจริง 10 นัด
การไม่เปลี่ยนแปลงทีมดูจะเป็นสิ่งที่เหมือนไม่น่าเข้ากับฟุตบอลสมัยใหม่ที่โค้ชมักจะเปลี่ยนแปลงทีมเพื่อรักษาสภาพร่างกายของผู้เล่นเอาไว้ แต่สำหรับอลอนโซและเลเวอร์คูเซนแล้ว ตราบใดที่ไม่มีปัญหาอาการบาดเจ็บและทีมไม่ได้บอบช้ำจนเกินไป เขาพร้อมจะเลือกชุดที่ดีที่สุดลงเสมอ
แต่ในเวลาเดียวกัน ทีมก็มีนักเตะที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาทดแทนได้เหมือนกัน ด้วยนักเตะอย่าง พาทริก ชิก, โจซิป สตานิซิช และ ปิเอโร ฮินคาปี
ไดนาโมและไดนามิก
ฟุตบอลในแบบของเลเวอร์คูเซนนั้นเป็นฟุตบอลที่ ‘ตูมตาม’
ตูมตามในความหมายถึงเวลาบุกก็บุกอย่างรวดเร็วเหมือนสายฟ้าฟาด มีความแม่นยำในการเข้าทำสูง ในขณะที่หากพวกเขาเสียการครองบอลขึ้นมาก็พร้อมที่จะช่วงชิงบอลกลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด
เมื่อมองไปยังสถิติของเกมรุก เลเวอร์คูเซนยังเป็นทีมที่มีการกระจายเกมบุกได้ดีกว่าทีมไหนในบุนเดสลีกา โดยพวกเขาจะขึ้นเกมทางซ้าย 29 เปอร์เซ็นต์, ทางขวา 33 เปอร์เซ็นต์ เช่นกันกับการเจาะพื้นที่ด้านในซ้าย (Inside Left) และด้านในขวา (Inside Right) อยู่ที่ 18 และ 20 เปอร์เซ็นต์
เรียกได้ว่าเกลี่ยเกมบุกมาจากทุกทิศทุกทางเป็นพายุบุแคม
นักเตะที่ดูจะมีความสำคัญมากในทีมคือตัวริมเส้นอย่างกริมัลโดและฟริมปง ที่สร้างสรรค์เกมจากริมเส้น โดยทั้งคู่ทำไปแล้ว 9 ประตูกับอีก 9 แอสซิสต์ แม้ว่าตำแหน่งเฉลี่ยของพวกเขาในสนามจะอยู่ค่อนข้างลึกก็ตาม
กระนั้นจำนวนประตูที่ได้ส่วนใหญ่มาจากการเจาะพื้นที่ตรงกลางสนาม ซึ่งมีชากา, ปาลาซิออส, เวิร์ตซ์ และฮอฟมันน์ คอยสร้างสรรค์ โดยคิดเป็นจำนวนถึง 65 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนประตูทั้งหมดที่ทำได้ในบุนเดสลีกา
ไม่มีผู้รับเหมา มีแต่เราช่วยกัน
เลเวอร์คูเซนอาจจะมีสตาร์เจ้าเก่าอย่างไอ้หนูมหัศจรรย์ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ และสตาร์หน้าใหม่อย่าง วิคเตอร์ โบนิเฟซ ที่ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ
แต่ความพิเศษที่แท้จริงสำหรับเลเวอร์คูเซนของอลอนโซคือการที่พวกเขาไม่ฝากความหวังไว้กับใครคนใดคนหนึ่ง
ในฤดูกาลนี้ เลเวอร์คูเซนมีนักเตะที่ทำประตูมากถึง 11 คน ซึ่งรวมถึงนักเตะอย่าง โอดิลอน คอสซูนู, นาธาน เทลลา, กริมัลโด และ โจนาธาน ทาห์ ที่มีชื่อเป็นผู้ทำประตูด้วยเช่นกัน กระนั้นโบนิเฟซในฐานะผู้รับผิดชอบหลักก็ทำผลงานได้ในระดับดี ทำไปแล้ว 8 ประตูกับอีก 6 แอสซิสต์ในบุนเดสลีกา
ส่วนผลงานรวมใน 23 นัดที่ผ่านมานั้น?
เลเวอร์คูเซนยิงไปแล้ว 74 ประตูในทุกรายการ!
เสีย 10 ประตู
และรักษาคลีนชีต (ไม่เสียประตูในเกม) ถึง 10 จาก 23 นัด
อาวุธลับลูกเซ็ตเพลย์
ถึงแม้ว่าเลเวอร์คูเซนจะเป็นทีมที่เล่นอย่างวูบวาบ แต่พวกเขาก็พกอาวุธลับลงสนามด้วยเสมอ
อาวุธลับดังกล่าวคือลูกตั้งเตะซึ่งสามารถช่วยทีมได้ในยามที่เจอเกมตึงมือ ในฤดูกาลนี้เลเวอร์คูเซนทำไปแล้ว 8 ประตูจากลูกตั้งเตะ แบ่งเป็นลูกเตะมุม 4, ฟรีคิก 2 และอีก 2 จุดโทษ
จุดนี้อาจจะมาจากการที่เมื่อครั้งเป็นผู้เล่น อลอนโซเป็นนักเตะที่รับเหมาลูกตั้งเตะตลอด ตั้งแต่อยู่กับเรอัล โซเซียดาด, ลิเวอร์พูล, เรอัล มาดริด และบาเยิร์น มิวนิก ทำให้เข้าใจความสำคัญของลูกตั้งเตะเป็นอย่างดี
ทั้งหมดที่กล่าวมารวมกับการผ่านบอลของพวกเขามีความแม่นยำสูงมาก เป็นทีมที่ผ่านบอลแม่นยำที่สุดในบุนเดสลีกา สมกับการเป็นทีมของอลอนโซ ทำให้เลเวอร์คูเซนเป็นทีมที่ทำผลงานได้อย่างร้อนแรงและน่าอัศจรรย์ใจมากที่สุด
อาจจะมีค่าเฉลี่ยบางอย่างที่บ่งบอกว่าผลงานของพวกเขา ‘ดีเกิน’ ที่ควรจะเป็นอยู่บ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของเลเวอร์คูเซนและอลอนโซ ซึ่งกลายเป็นทีมที่โดดเด่นและน่าติดตามเชียร์มากที่สุดทีมหนึ่งในเวลานี้
และไม่ว่า ‘Neverkusen’ จะอยู่ต่อไปอีกนานแค่ไหน ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นก็ถือเป็นตำนานเล็กๆ บทหนึ่งแล้ว
อ้างอิง:
- https://www.bundesliga.com/en/bundesliga/news/xabi-alonso-bayer-leverkusen-tactics-25350
- https://www.bbc.com/sport/football/67402898