ปิดฉากเป็นที่เรียบร้อย สำหรับมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 Thailand International Motor Expo 2023 ซึ่งเริ่มจัดตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ตลอดช่วงของการจัดงานมีประชาชนให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายของงาน
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน ‘มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40’ เปิดเผยว่า “ปีนี้เป็นงานฉลองครบรอบ 40 ปีที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งผู้อุปถัมภ์ ผู้สนับสนุน ค่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง ธุรกิจเรือ อากาศยาน ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้เข้าชมงานที่เมืองทองธานีและออนไลน์จำนวนมหาศาล”
สำหรับยอดจองในงาน Motor Expo 2023 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคม 2566 พบว่ายอดจองรถยนต์ทุกแบรนด์อยู่ที่ 53,248 คัน ส่วนรถจักรยานยนต์ 7,373 คัน
ด้านแบรนด์รถยนต์ที่มียอดจองสูงสุด 10 อันดับ ดังนี้
- Toyota 7,245 คัน
- Honda 6,149 คัน
- BYD 5,455 คัน
- AION 4,568 คัน
- MG 3,568 คัน
- CHANGAN 3,549 คัน
- GWM 3,524
- Isuzu 2,460 คัน
- Nissan 2,459 คัน
- Mazda 1,961 คัน
ขณะที่ข้อมูลผู้ร่วมกิจกรรม ‘ซื้อรถ…ชิงรถ’ พบว่า มีผู้ร่วมกิจกรรมสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว 22.4% โดยเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป 61.6% และเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 38.4% รถยนต์ที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรมสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ Honda, Toyota, CHANGAN ส่วนรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ที่มียอดจองสูงสุด ได้แก่ CHANGAN, BYD, AION ประเภทรถที่ได้รับความสนใจสูงสุด รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) 57.3% รถเก๋ง 18.3% รถท้ายลาด 10.4% รถกระบะ 9.5% และอื่นๆ 4.5%
ราคาเฉลี่ยของรถที่ขายได้ในงาน 1,323,962 บาท รถจักรยานยนต์เฉลี่ย 198,488 บาท เงินหมุนเวียนในงานราว 7.2 หมื่นล้านบาท ผู้เข้าชมงาน 1,503,030 คน แพ็กเกจ Motor Expo Exclusive Visitors ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
ส่วน Join Boat Platform ที่เป็นศูนย์รวมธุรกิจเรือ กิจกรรมทางน้ำ และ Aviation Zone ที่จัดแสดงนวัตกรรม เทคโนโลยี สถาบันฝึกอบรมด้านการบิน ธุรกิจเครื่องบินเช่าเหมาลำ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก สร้างยอดเงินสะพัด 2 โซน รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท
ขณะที่ ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงาน ‘มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40’ เปิดเผยว่า ตัวเลขยอดจองรถยนต์ถือว่าดีเกินคาด อีกทั้งรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้โตขึ้น 40% เมื่อเทียบปีก่อนที่อยู่ในระดับ 12-14% ส่วนหนึ่งมาจากนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมให้ประชาชนตื่นตัวรถยนต์ไฟฟ้า อีกทั้งได้ยืดเวลาให้สามารถซื้อภายใน 31 ธันวาคม 2566 และการจดทะเบียนสามารถทำได้ถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 ถือเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้รับการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV 3.0
“การที่เราจัดงานในช่วงสิ้นปีแล้วมีบริษัทรถยนต์เข้าร่วมงานมากขึ้น มีทางเลือกให้เลือกมากขึ้น และปล่อยแคมเปญกระตุ้นตลาดทำให้ประชาชนตื่นตัว และคาดว่าปีหน้าตลาดอาจมีการฟื้นตัวและเติบโตต่อไป”
สำหรับมหกรรมยานยนต์ หรือ Motor Expo ครั้งต่อไป จะจัดขึ้นช่วงเดือนธันวาคม 2567
อ้างอิง:
