หลังจากเหตุการณ์ที่ Matty Healy ท้าทายกฎหมายต่อต้านกลุ่ม LGBTQIA+ ของประเทศมาเลเซีย ซึ่งบัญญัติถึงการมีเพศสัมพันธ์ของคนเพศเดียวกันว่า “การสมสู่กันในลักษณะนั้นเป็นสิ่งผิดธรรมชาติ และเป็นการกระทำอนาจารอย่างร้ายแรง” ด้วยการจูบมือเบสบนเวทีที่งาน Good Vibes Festival ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา
ล่าสุดมีการรายงานข่าวว่า รัฐบาลมาเลเซียตัดสินใจไม่แบนการจัดคอนเสิร์ตของศิลปินต่างประเทศทั้งหมด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีประกาศมาตรการการจัดงานอีเวนต์เหล่านี้ว่า ทุกคอนเสิร์ตจะต้องมี ‘Kill Switch’ ที่พร้อมตัดจบงานได้อย่างรวดเร็วที่สุด ถ้าหากเกิดสถานการณ์ไม่สู้ดีขึ้น ดังเช่นเหตุการณ์ของวง The 1975 ซึ่งในเวลานั้นรัฐบาลมาเลเซียยังมีการโต้เถียงกันด้วยว่า ศิลปินต่างชาติทั้งหมดควรจะถูกแบนไม่ให้มาแสดงคอนเสิร์ตในประเทศมาเลเซียด้วยหรือไม่
สุดท้ายรัฐบาลมาเลเซียได้ข้อสรุปว่า จะไม่แบนการจัดคอนเสิร์ตของศิลปินต่างชาติทั้งหมด โดย Teo Nie Ching ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำกระทรวงการสื่อสารและดิจิทัลของมาเลเซีย ได้ประกาศในรัฐสภาว่า เหล่าแฟนเพลงในประเทศมาเลเซียและศิลปินต่างชาติทั้งหลายไม่ควรถูกลงโทษจากการกระทำแย่ๆ ของศิลปินเพียงวงเดียว เธอกล่าวว่า
“The 1975 เหยียดหยามหลักเกณฑ์ของเรามากมาย และเราก็กำลังส่งเสริมให้หลักเกณฑ์เหล่านั้นแข็งแรงยิ่งขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มันเกิดขึ้นซ้ำอีก เราจะยกเลิกศิลปินคนอื่นๆ ทั้งหมดแค่เพียงเพราะหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างไร? จากศิลปิน 296 วง มีแค่วงเดียวที่มีปัญหา มันยุติธรรมแล้วหรือ?”
Matty Healy ไม่ได้ถูกรัฐบาลมาเลเซียต่อว่าเท่านั้น แต่กลุ่ม LGBTQIA+ ในประเทศมาเลเซียที่ยังคงดิ้นรนต่อสู้เพื่อสิทธิความเท่าเทียม ก็ออกมาประณามการกระทำของเขาด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่คิดเห็นว่า Matty Healy สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับสิ่งที่นักเคลื่อนไหวในประเทศกำลังทำเพื่อผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกันอยู่ อีกทั้งยังสร้างความเสียหายให้กับองค์กรผู้จัดคอนเสิร์ตในมาเลเซียที่กำลังพยายามกลับมาตั้งหลักให้ได้หลังยุคโควิดอีกด้วย
ภาพ: Matthew Baker / Getty Images
อ้างอิง: