×

เศรษฐามอบนโยบายแก้ฝุ่น PM2.5 จ่อคุย สปป.ลาว-เมียนมา ร่วมแก้ไข

โดย THE STANDARD TEAM
29.11.2023
  • LOADING...

วันนี้ (29 พฤศจิกายน) ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประชุมมอบนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2567 และปล่อยขบวนคาราวานปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นสัญญาณดีที่เราทุกคนเห็นด้วย มีความจริงใจกับปัญหานี้ และอยากให้ปัญหานี้ลดน้อยลงไป ซึ่งตนขอแบ่งเป็น 3 ส่วน ประเด็นแรกปัญหาที่เกิดขึ้นจากท่อไอเสีย การใช้รถยนต์เชื้อเพลิงที่ปัจจุบันลดน้อยลง หันมาใช้รถยนต์ EV คาดว่าไม่เกิน 10 ปี การที่เรามาใช้รถยนต์ EV มากขึ้น ซึ่งบริษัท Tesla มาตั้งโรงงานในไทย ก็จะทำให้ PM2.5 ที่เกิดจากรถยนต์ลดน้อยลงอย่างมีนัย

 

เร่งแก้ปัญหาเผาป่า กระทบท่องเที่ยว

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเด็นที่ 2 เรื่องของการเผาป่า ที่ต้องดูต้นกำเนิดว่าเกิดมาจากอะไร หรือเกิดจากเรื่องของเศรษฐกิจมากกว่า เพราะหากเศษข้าวโพด ซังข้าวโพด ตอข้าวทั้งหลายมีคนมารับซื้อโดยที่เขาไม่ต้องใช้ไม้ขีดก้านเดียวเผา เชื่อว่าไม่มีใครอยากทำ จึงมีการพูดถึงออปชันที่เราจะทำทั้งการเสนอ Soft Loan รายละเอียดต่างๆ ที่เสนอมาถือเป็นสิ่งที่ตนเชื่อว่าเป็นเรื่องที่เราต้องไปทำต่อ และจะเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนที่สุด

 

นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่าต้องขอบคุณแม่ทัพภาค 3 ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งมีการทำงานร่วมกับภาคประชาชนที่ชัดเจน ปัจจุบันเรื่องความมั่นคงยังมีความสำคัญอยู่ แต่เรามีกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาช่วยลดปัญหาเรื่องไฟป่า เป็นการทำงานร่วมกับประชาชน

 

เศรษฐากล่าวว่า ตนจำได้เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้วเช็กค่าฝุ่นติดอันดับ 10 ของโลกที่ภาคเหนือ ตรงนี้ไม่ต้องมาบอกว่าทำไมการท่องเที่ยวถึงไม่ดีเท่าที่ควร รัฐบาลนี้ตระหนักดี เราใช้นโยบายมาเป็นตัวกระตุ้นการท่องเที่ยว ทางผู้ว่าราชการจังหวัดก็ได้ช่วยเหลือให้สนามบินสามารถเปิดได้ 24 ชั่วโมง รัฐบาลก็ออกวีซ่าฟรีให้กับคนจีน อินเดีย ไต้หวัน และคาซัคสถาน แต่ถ้าเขาไปกรุงเทพฯ ไปภูเก็ต อากาศมันดีกว่าเชียงใหม่ เราอยากให้เขามาเที่ยวเชียงใหม่ด้วย

 

ย้ำให้ความสำคัญอากาศสะอาด

 

เศรษฐากล่าวอีกว่า เรื่องเพื่อนบ้านก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราบริหารจัดการเอง แต่เรื่องทิศทางลม เรื่องของเพื่อนบ้าน 2 ประเทศ และเรื่องความก้าวหน้าบริหารจัดการซากพืชผลที่เขามีน้อยกว่าเรา เราต้องพัฒนาไปด้วยกัน ตรงนี้จะต้องมีการพูดคุยกันอย่างการเจรจาทวิภาคีกับทาง สปป.ลาว

 

“ถ้าท่านไปซื้อของจากประเทศที่เขาไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องอากาศบริสุทธิ์ เรามีพระราชบัญญัติอากาศสะอาดที่หลายภาคส่วนส่งมา หากเพื่อนบ้านเราไม่ทำให้หรือนายทุนจากบ้านเราไปทำมาหากินในประเทศเขาและไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ รัฐบาลนี้ก็ยอมรับไม่ได้

 

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้มาด้วยกันหลายภาคส่วน ก็ต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมา พูดกันให้ชัดเจน ซึ่งจริงๆ แล้วตัวเลขมาจาก สปป.ลาว จากเมียนมาจำนวนมาก เรื่องการพูดคุยกับเราก็น่าจะง่ายกว่า เพราะเราได้มีการพูดคุยกันด้วยดีมาตลอด ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับเรื่องอากาศสะอาด

 

จากนั้นเศรษฐาได้มอบนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2567 พร้อมเยี่ยมชมรถหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศในบรรยากาศแบบเคลื่อนที่ของกรมควบคุมมลพิษ

 

รัฐบาลผลักดัน OTOP สู่เวทีโลกอีกครั้ง

 

ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรียังได้หารือแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ด้วยซอฟต์พาวเวอร์ พร้อมระบุว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ OTOP เพราะเป็นสิ่งที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำมาตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สานต่อ

 

เศรษฐาระบุว่า จะเห็นว่าผลิตภัณฑ์ OTOP สวยมาก แต่การทำสินค้าออกมาแล้วบางครั้งทั่วโลกยังไม่ทราบข้อดีของผลิตภัณฑ์ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศและคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติมีโอกาสได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตประเทศไทยประจำประเทศต่างๆ โดยส่วนตัวอยากจะหาพื้นที่ศูนย์การค้านำผลิตภัณฑ์ OTOP ไปวางขาย ไปเผยแพร่ ซึ่งคงจะมีการพูดคุยกัน ซึ่งรัฐบาลจะจัดพื้นที่และดีไซน์หน้าร้านให้

 

โดยขั้นตอนต่อไปจะเชิญผู้แทนจากต่างประเทศเข้ามาร่วมรับชมด้วย พร้อมกับทูตพาณิชย์ และมีการใช้ KPI หรือตัวชี้วัดความสำเร็จ ว่าสามารถสร้างยอดขายได้เท่าไรในแต่ละไตรมาส ถือเป็นความคาดหวังของรัฐบาลนี้ที่รัฐบาลต้องการจะทำ

 

“ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาได้เดินทางไปต่างประเทศหลายประเทศ เพื่ออยากจะไปเปิดตลาดใหม่ๆ ให้ทุกคน เพื่อสร้างความหวังและกำลังใจให้กับทุกคน จึงอยากส่งเสริมให้ทุกคนมีศักยภาพบนเวทีโลกให้ได้ ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ของท่านไม่เชยแน่นอน”

 

ปลุกสตาร์ทอัพตื่นจากฝัน ลงมือทำ 4 ปีรัฐบาลต้องมียูนิคอร์น

 

ที่ลานสังคีต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายกรัฐมนตรีประชุมหารือประเด็นการพัฒนาและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่และสตาร์ทอัพ พร้อมกล่าวว่าเราต้องคิดภาพใหญ่เพื่อสู่ตลาดโลก วันนี้ถ้าทำอะไรเล็กๆ มันสู้เขาไม่ได้ ฉะนั้นตนจึงอยากให้ทุกท่านมีความฝัน เมื่อฝันแล้วก็ต้องตื่นขึ้นมาทำงาน ไม่มีทางลัดอะไรที่จะเดินไปข้างหน้าได้โดยไม่ขยันหมั่นเพียรในการทำงาน ไอเดียต่างๆ ที่มีแม้จะดีขนาดไหนถ้ามัวแต่ฝันอยู่จะไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้

 

นายกฯ กล่าวว่า มีแหล่งสตาร์ทอัพ  2 แหล่ง อยากให้พวกท่านไปดูที่ซานฟรานซิสโกและอิสราเอล ถือเป็นแหล่งที่มีคนไปดูเยอะมาก บริษัทเก่าของตนเคยส่งคนไปดู มีไอเดียต่างๆ จำนวนมาก วิธีการคือการเอาคนมาอยู่ในที่เดียวกันและทำเป็นออฟฟิศและพัฒนา เมื่อถึงเวลาก็มานำเสนอ ซึ่งใช้เวลาเพียง 1 นาที ถ้าไอเดียคุณไม่สามารถไปได้เขาก็จะบอกทันที อาจจะบั่นทอนพอสมควร แต่เป็นวัฒนธรรมที่ตรงไปตรงมาและไม่เสียเวลาซึ่งกันและกัน

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้ตนมาในฐานะรัฐบาล สร้างโอกาสให้ทุกท่านมีความคิดสร้างสรรค์ และสามารถทำสกิลที่ใหญ่กว่าได้ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องหากองทุนเหล่านี้มา หรือต้องมีกองทุนที่พูดตรงไปตรงมาว่าอันนี้เวิร์กหรือไม่เวิร์ก

 

ทั้งนี้น่าเสียดายคนไทยมีคนเก่งเยอะ มีคนที่มีความหวัง ความฝันเยอะ แต่สำหรับประชากร 68-69 ล้านคน แต่ไม่มียูนิคอร์น (Unicorn) ซึ่งเป็นแผลในใจที่อยากให้แก้ไขและหมดสิ้นในรัฐบาลนี้ ตนเชื่อว่าภายในระยะเวลา 4 ปีที่รัฐบาลนี้อยู่ ประเทศไทยต้องมียูนิคอร์น และหน้าที่ของรัฐบาลจะต้องเป็นตัวกลางให้ทั่วโลกรู้ว่าไทยมีซอฟต์พาวเวอร์อะไรบ้าง อยากทำอะไรก็ต้องคิดก่อนว่ามีตลาดหรือไม่ อย่าฝืนตลาด เพราะถ้าฝืนตลาดจะขายไม่ได้

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X