วันนี้ (22 พฤศจิกายน) ที่อาคารรัฐสภา การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร โดยมี อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ตามระเบียบวาระการประชุมเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริง กรณีการรับผลประโยชน์ของผู้ประกอบการโรงงานกำจัดขยะในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ตามที่ วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ได้รับผลกระทบจากเรื่องเจ้าหน้าที่ในพรรคก้าวไกลเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการโรงงานกำจัดขยะในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี
โดยที่ประชุม กมธ.การอุตสาหกรรม ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจง อาทิ สุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ในฐานะผู้แทนโรงงานอุตสาหกรรม, พ.ต.ท. สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี, เบญจา แสงจันทร์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส. พรรคก้าวไกล เป็นตัวแทนหัวหน้าพรรคก้าวไกล เข้าร่วมประชุม
‘วุฒิพงศ์’ มั่นใจมีหลักฐานพอ
ขณะที่วุฒิพงศ์กล่าวถึงการให้ข้อมูลต่อ กมธ.การอุตสาหกรรม กรณีที่ออกมาเปิดเผยว่า ผู้ช่วยของเบญจามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับสินบนบ่อขยะในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีนั้น ตนมีเอกสารให้ กมธ. พิจารณา ในเรื่องของการเอื้อผลประโยชน์บ่อขยะ ซึ่งมองว่าจะเป็นการกระทบภาคธุรกิจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และมองว่าถ้าความเชื่อมั่นถูกทำลายลงไปจะมีผลกระทบกับนักลงทุน ในภาวะที่เศรษฐกิจการลงทุนของประเทศเราถดถอย
วุฒิพงศ์มั่นใจว่า หลักฐานที่เตรียมมานั้นชัดเจน ทั้งเรื่องของรูปแบบกิจการบ่อขยะที่ก่อมลพิษต่อชุมชน ซึ่งต้องชี้แจงต่อ กมธ. ให้ทราบข้อมูลในบางส่วน โดยที่ผ่านมาเรามีแต่การพูดถึงการลงพื้นที่ แต่ยังไม่มีใครพูดถึงต้นทางมากเท่าไร ซึ่งการที่เบญจามาให้ข้อมูลในวันนี้ คาดว่าน่าจะรับทราบปัญหาได้โดยตรง เพราะตัวของเบญจาก็อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกอยู่แล้ว
ก้าวไกลชี้ ผู้ช่วย สส. ซื้อขายที่ดินปกติ
ขณะเดียวกัน จิรัฏฐ์แถลงภายหลังจากเข้าชี้แจงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ถึงกรณีโรงงานกำจัดขยะพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี มาจนถึงการให้ข้อมูลกับ กมธ. นั้น มีคำถามถึงการพิจารณาการคุกคามทางเพศของพรรคก้าวไกล เกี่ยวข้องเรื่องการขายที่ดินหรือไม่ว่า พรรคก้าวไกลมองเป็นคนละเรื่อง จึงต้องตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบคนละชุดกัน และเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์ ก็กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป และยังไม่สามารถบอกได้
สำหรับกรณีที่วุฒิพงศ์ร้องเรียนเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์จากบ่อขยะ มาก่อนเรื่องคุกคามทางเพศ จนทำให้ถูกกลั่นแกล้งและโดนขับออกจากพรรคนั้น จิรัฏฐ์กล่าวยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เบญจาไม่รู้เรื่องคุกคามทางเพศมาก่อน หากเราจะใช้เรื่องนี้เพื่อปกป้องผู้ช่วย สส. และขับ สส. ออกจากพรรค คงเป็นไปได้ และทาง กมธ. ก็อยากได้รายละเอียดเรื่องเวลาที่มีการร้องเรียนเรื่องนั้น เราก็จะส่งให้ กมธ. ต่อไป
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการตรวจสอบผู้ช่วย สส. ของพรรค จิรัฏฐ์กล่าวว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ 3 ราย คือ ตนเอง, พล.ต.ต. สุพิศาล ภักดีนฤนาถ และ พ.ต.ท. สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ มาตรวจสอบเรื่องนี้ ขณะนี้ ผู้ช่วย สส. ได้ขอลาออกจากสมาชิกพรรค และลาออกจากการเป็นผู้ช่วย สส. ไปแล้ว เพื่อเข้ารับการตรวจสอบ และเรื่องนี้เป็นการตรวจสอบภายใน
“จากข้อมูลไม่สามารถเอาผิดทางกฎหมายได้ เพราะข้ออ้างคือผู้ช่วย สส. เรียกค่าที่ดินสูงกว่าปกติที่ประเมินราคาไว้ เป็นการซื้อขายที่ดินปกติ ไม่ผิดกฎหมายอะไร หากผิดมากสุดคือผิดจริยธรรม และอุดมการณ์ที่พรรคระบุเอาไว้ ซึ่งยังไม่พบมูลเหตุอะไร ส่วนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบต่อไป ในเบื้องต้นผู้ถูกกล่าวหาปฏิเสธข้อกล่าวหา ระบุเพียงว่าเป็นการซื้อขายที่ดินปกติ ไม่ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางที่ผิด” จิรัฏฐ์กล่าว
ผลสอบเบื้องต้น ปมบ่อขยะปราจีนบุรี
ขณะที่อัครเดช เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมว่า การร้องดังกล่าวผูกพัน 2 ประเด็น กรณีที่ วุฒิพงศ์ ถูกพรรคก้าวไกลตั้งสอบวินัยเรื่องของการคุกคามทางเพศก่อน หลังจากที่ได้ไปร้องผู้ช่วย สส. รับผลประโยชน์ ในฐานะที่เป็นนักเคลื่อนไหวและผู้ช่วย สส. ของพรรคก้าวไกล พรรคก้าวไกลไม่สามารถชี้แจงประเด็นนี้ได้ โดยจะส่งเป็นหนังสือมาชี้แจง กมธ.การอุตสาหกรรม ในลำดับต่อไป
ส่วนกรณีผู้ช่วย สส. ที่ถูกกล่าวหาว่ารับผลประโยชน์ ในที่ประชุมก็ได้มีการซักถามประเด็นนี้ ทาง กมธ. ได้ตั้งข้อสังเกตว่า มีความเชื่อมโยงกันในส่วนของการรับผลประโยชน์ แต่สิ่งที่เรายังไม่สามารถสรุปได้ว่า มีการทุจริตหรือรับสินบนหรือไม่ เพราะในรายละเอียดเรื่องราคาที่ดิน ตำแหน่งที่ตั้งที่ดิน ตลอดจนพฤติกรรมของโรงงานขยะที่ซื้อที่ดินระหว่างที่ตั้งที่ดินของโรงงาน กับที่ตั้งที่ดินที่เกี่ยวข้องกับผู้ช่วย สส. ที่ขายให้กับโรงงาน มีการซื้อขายที่ดินเพิ่มเติมหรือไม่อย่างไร
อัครเดชยังกล่าวอีกว่า ตัวแทนพรรคก้าวไกลได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า ถ้ามีการเชื่อมโยงกัน ถือว่าผิดจริยธรรมของพรรค ผิดอุดมการณ์ของพรรค จะมีการขับผู้ช่วย สส. คนดังกล่าวออก ซึ่งในที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชี้ชัดว่า มีการรับสินบนกันหรือไม่ ต้องรอข้อมูลเพิ่มเติม และในที่ประชุมก็ให้วุฒิพงศ์นำข้อมูลมาเสนอเพิ่มเติมให้กับ กมธ. ในลำดับต่อไป ซึ่งการประชุมครั้งนี้คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายสำหรับเรื่องนี้ จะมีการประชุมในครั้งหน้าเพื่อให้ได้ข้อสรุปต่อประชาชน
ตั้ง ‘ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์’ ศึกษาผลกระทบบ่อขยะ
อัครเดชยังกล่าวอีกว่า กรณีผลกระทบบ่อขยะนั้น ทางตัวแทนอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี ในฐานะตัวแทนสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ตัวแทนของผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ชี้แจงว่า ปัจจุบันนี้บ่อขยะดังกล่าว ในส่วนของการดำเนินการในอดีตมีการสั่งให้ปรับปรุงอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้เป็นไปตาม ระเบียบของกฎหมาย และมีการร้องเรียนของประชาชน ได้สั่งให้บ่อขยะดังกล่าวดำเนินการแก้ไขเป็นระยะ และปัจจุบันนี้ยังไม่มีการร้องเรียนเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ทาง กมธ.การอุตสาหกรรม ได้มีมติตั้งคณะศึกษาผลกระทบจากบ่อขยะ โดยมีการตั้ง ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ สส. ฉะเชิงเทรา พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นหัวหน้าคณะทำงานลงไปศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้น แสวงหาข้อเท็จจริงนำมารายงานให้กับ กมธ. พิจารณาในประเด็นนี้ต่อไป ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เกิดความเชื่อมโยงได้ ระหว่างผลกระทบที่เกิดขึ้นและการรับสินบน ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร