สิวคือปัญหาผิวที่สามารถเป็นเรื้อรังได้หากไม่รักษาอย่างถูกวิธี แน่นอนว่ามันน่าหงุดหงิดสุดๆ ถ้าส่องกระจกทีไรก็เห็นแต่ใบหน้าตัวเองที่มีสิว LIFE จึงคัดสรร 8 Tips ที่จะเป็นกลยุทธ์สำคัญในการช่วยจัดการและลดสิวให้สำเร็จ (สักที) ใครที่มีปัญหาจัดการสิวแล้วท้อแท้ มาลองวิธีที่เรานำมาฝากกัน
เน้นสะอาด แต่ไม่ได้แปลว่าต้องล้างหน้าบ่อยๆ
การทำความสะอาดเป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องล้างหน้าบ่อยๆ เพราะจะทำให้ระคายเคืองได้ ควรล้างวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็นตามปกติก็พอ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนและไม่ทำให้เกิดสิว ไม่อุดตันรูขุมขน
เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคนเป็นสิว
สังเกตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีป้ายกำกับว่า ‘เหมาะสำหรับคนเป็นสิว’ ‘ปราศจากน้ำมัน’ หรือ ‘ไม่ก่อให้เกิดสิว’ เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไม่อุดตันรูขุมขน ลองมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม เช่น กรดซาลิไซลิก เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ หรือเรตินอยด์ ที่ใช้กับผิวที่เป็นสิวได้ดี
ทายาสิว ไม่ควรทาๆ หยุดๆ
ควรทายาติดต่อกัน 5 วัน เพราะการทายาสิวอักเสบติดเชื้อก็ไม่ต่างจากเวลากินยาปฏิชีวนะรักษาอาการต่างๆ ซึ่งแพทย์มักจะแนะนำเสมอว่าควรกินให้ครบโดส เช่น ยาฆ่าเชื้อระบุว่าให้กินครบ 5 วัน (หรือหมดแผง) ก็ต้องกินให้ครบตามกำหนด เพื่อป้องกันการดื้อยา การทายาปฏิชีวนะรักษาสิวก็เช่นเดียวกัน
เลือกยาให้ตรงกับปัญหาสิว
สิวในโลกนี้ประกอบด้วย สิวไม่อักเสบหรือสิวอุดตัน (Comedone) กับสิวอักเสบ (Inflammatory Acne) ดังนั้นการจะทายารักษาสิว เราต้องรู้ก่อนว่าตัวเองเป็นสิวประเภทไหนอยู่ ซึ่งสิวประเภทแรกคือสิวไม่อักเสบหรือสิวอุดตัน จะรู้จักกันในรูปแบบของสิวหัวดำ สิวหัวขาว สิวเสี้ยน
สิวอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อ P.Acnes
อาจเกิดจากการกดบีบสิวหรือเชื้อโรคอื่นๆ ที่เกิดจากการเอามือสกปรกมาสัมผัสใบหน้าที่เป็นสิว มักจะมีลักษณะบวม แดง เมื่อใช้มือกดแล้วเจ็บ การรักษาทำได้โดยใช้ยาปฏิชีวนะชนิดทาภายนอกที่มีตัวยาคลินดามัยซิน จะช่วยรักษาสิวอักเสบโดยเฉพาะ โดยใช้หลังการทำความสะอาดผิวหน้า และทาบริเวณที่เป็นสิวอักเสบวันละ 2 ครั้ง
ทายาสิวก่อนเป็นอันดับแรกหลังการล้างหน้า
จริงๆ แล้วสเต็ปการทายารักษาสิวนั้นไม่มีกฎตายตัว แต่เภสัชกรมักแนะนำว่าเมื่อใช้กับผิวหน้า ผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามที่มีคุณสมบัติเป็นยา ควรทาก่อนเป็นอันดับแรกหลังการล้างหน้า เพราะยาจะออกฤทธิ์ได้เร็วและซึมซาบเข้าสู่ผิวก่อนลงครีมบำรุงตัวอื่นๆ ในลำดับต่อไป
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า
การสัมผัสใบหน้าอย่างต่อเนื่องสามารถถ่ายโอนแบคทีเรียและน้ำมันจากมือไปยังใบหน้าได้ ส่งผลให้สิวรุนแรงขึ้น พยายามเอามือออกจากใบหน้าให้มากที่สุด
จำไว้ว่าการรักษาสิวทุกชนิดต้องอาศัยความอดทนและใช้เวลานาน จึงไม่ควรใจร้อนและควรทายาสิวอย่างมีวินัยจะเป็นผลดีต่อการรักษาที่สุด หากใช้ยาถูกต้องแล้วแต่สิวไม่หายและอักเสบกว่าเดิม ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาอย่างละเอียดต่อไป