วานนี้ (7 พฤศจิกายน) สื่อท้องถิ่นของจีนรายงานว่า ทางการจีนได้ควบคุมตัวผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจี้ยนเฉียว (Jianqiao) ในมณฑลหูเป่ย ทางภาคกลาง ไปทำการสอบสวนในคดีการลักลอบขายสูติบัตร หลังปรากฏข้อมูลจากชาวเน็ตรายหนึ่งที่อ้างว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งนี้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้าเด็ก โดยขายสูติบัตรให้แก๊งลักพาตัวเด็กรายใหญ่ที่ก่อเหตุใน 10 มณฑลเพื่อนำไปใช้สวมรอยลงทะเบียนและสร้างตัวตนใหม่ให้เด็กที่ถูกลักพาตัว และอ้างราคาขายสูติบัตรสูงถึงฉบับละประมาณ 9.6 หมื่นหยวน หรือราว 4.68 แสนบาท
Global Times รายงานว่าทางการจีนได้สั่งระงับการดำเนินการในแผนกสูตินรีเวชของโรงพยาบาลดังกล่าวแล้ว ขณะที่คณะกรรมการสาธารณสุขของเมืองเซียงหยางในมณฑลหูเป่ย ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ชุดพิเศษไปยังโรงพยาบาลเจี้ยนเฉียวเพื่อทำการตรวจสอบ
หนังสือพิมพ์ People’s Daily สื่อกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน รายงานว่า “หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจะสอบสวนและจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจังด้วยความเป็นกลาง และจะมีการเผยแพร่คำอธิบายต่อสาธารณะ”
คดีนี้กระตุ้นให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในโซเชียลมีเดียของจีน โดยชาวเน็ตจีนหลายคนไม่พอใจและเชื่อว่าการขายสูติบัตรเหล่านี้จะทำให้เด็กที่ถูกลักพาตัวถูกสวมรอยลงทะเบียนและทำให้การตามหาตัวทำได้ยากขึ้น ขณะที่บางคนมองว่าอาจมีการนำสูติบัตรไปใช้ลงทะเบียนเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญหรือการตั้งครรภ์แทน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายในจีน
ทั้งนี้ สูติบัตรเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชาวจีน เนื่องจากใช้ในการขอทะเบียนบ้าน การฉีดวัคซีน การลงทะเบียนประกันสุขภาพ และการสมัครบัตรประกันสังคม
โดยคดีนี้เกิดขึ้นในขณะที่อัตราการเกิดในจีนลดลงถึงระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เริ่มบันทึกสถิติในปี 1949 ซึ่งอัตราการเกิดในปี 2022 อยู่ที่เพียง 9.56 ล้านคน ในขณะที่ประชากรจีนมีกว่า 1.4 พันล้านคน
ภาพ: Getty Images
อ้างอิง: