วานนี้ (7 พฤศจิกายน) วุฒิพงศ์ ทองเหลา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ปราจีนบุรี ซึ่งถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเพจชี้แจงกรณี ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงกรณีการขับออกจากสมาชิกพรรค เนื่องจากมีทีมงานคนหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี หรือ ‘ผู้ช่วย ส.’ รับผลประโยชน์จากบริษัทบ่อขยะ เป็นผู้ช่วย สส. ทำงานใกล้ชิดกับกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) คนหนึ่ง จนเป็นเหตุให้ถูกขับออกนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหา
วุฒิพงศ์ระบุอีกว่า “ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องการตั้งกรรมการสอบวินัย ผมขออนุญาตแย้ง และย้ำอีกครั้ง การที่คุณชัยธวัชแถลงปฏิเสธให้เหตุผลสั้นๆ ว่าคุณเบญจาไม่อยู่ในกระบวนการพิจารณาสอบวินัยนั้น ขอเรียนว่าผมรับฟังแล้วก็เสียใจและผิดหวัง เนื่องจากการแถลงข่าวของคุณเบญจาในช่วงวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา ตามแถลงนั้นในแต่ละช่องข่าวชัดเจนมาโดยตลอดว่าเธอได้เข้าไปนั่งเป็นกรรมการพิเศษชุดนี้ ซึ่งผมได้ทราบมาเพิ่มในภายหลังว่าในทุกครั้งที่ผู้อ้างว่าเป็นผู้เสียหายเดินทางเข้ามาให้ข้อมูล จะมีเบญจาเข้าไปนั่งเฝ้าอยู่ด้วยตลอดในชั้นการสอบ
“ตอนนี้คำตอบที่ดีที่พรรคก้าวไกลควรแถลงนั้นควรออกมายอมรับอย่างตรงไปตรงมาก่อนว่ากรรมการวินัยชุดที่สอบผมนั้นไม่มีการดึงผู้เชี่ยวชาญภายนอก และคุณเบญจานั่งเป็นประธานจริงตามที่แถลงให้ข่าวสื่อมวลชนมาโดยตลอด ไม่ใช่เพียงแถลงไปเพื่อหาเสียง สร้างความชอบธรรมให้กระบวนการเท่านั้น”
ก่อนหน้านี้ (6 พฤศจิกายน) วุฒิพงศ์ได้ออกมาแถลงข่าวว่าต้นเหตุถูกขับออกจากพรรคก้าวไกลเนื่องจากขัดแย้งกับผู้ช่วย สส. ทำงานใกล้ชิดกับ กก.บห. รายหนึ่ง มีการเรียกรับผลประโยชน์ที่เอื้อในการซื้อที่ดินของตัวเองหรือแบ่งขายที่ดินมูลค่า 3.5 ล้านบาท โดยมีการขอให้แก้ไขตรงราคาจาก 3.5 ล้านบาท เหลือ 1.7 ล้านบาท สูงกว่าราคาประเมินภาษีจะถูกลง ซึ่งที่ดินดังกล่าวอยู่ใกล้โรงงานกำจัดขยะจังหวัดปราจีนบุรี รวมถึงเกิดจากปัญหาการเมืองด้วย
ขณะที่ ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้แถลงชี้แจงกรณีดังกล่าวเมื่อวานนี้ว่า ผู้บริหารพรรคได้รับทราบเรื่องข้อมูลที่อดีต สส. ปราจีนบุรี ร้องเรียนระหว่างที่อดีต สส. แก้ข้อกล่าวหาเรื่องคุกคามทางเพศพยายามนำเรื่องนี้มาโต้แย้งว่าการร้องเรียนมีแรงจูงใจจากผลประโยชน์ทางการเมือง มีเจ้าหน้าที่พรรคไปรับผลประโยชน์ เมื่อผู้บริหารพรรคทราบจากกรรมการวินัยและตัวอดีต สส. ปราจีนบุรี เคยนำเสนอ พรรคไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องนี้ เพียงแต่ผู้บริหารได้คุยกับกรรมการวินัยของพรรคว่าต้องพิจารณาแยกจากกัน หมายความว่าข้อเท็จจริงนี้ไม่เกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องคุกคามทางเพศ ต้องพิจารณาแยกจากกัน เราพิจารณาจากข้อเท็จจริงแต่ละเรื่อง
ชัยธวัชระบุอีกว่า พรรคไม่นิ่งนอนใจ พรรคและตนได้แจ้งกรรมการวินัยไปหลายสัปดาห์แล้วว่าเมื่อพิจารณาคุกคามทางเพศเสร็จ ต้องพิจารณาเรื่องเจ้าหน้าที่พรรครับผลประโยชน์ ซึ่งเราดำเนินการอยู่ ตอนนี้รอผู้ถูกกล่าวหาซึ่งบวชอยู่ สึกมาเมื่อไรก็เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ยืนยันว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ช่วยและใกล้ชิดกับ เบญจา แสงจันทร์ ซึ่งเป็น กก.บห. แต่ก็ไม่ส่งผลต่อการพิจารณาเช่นกัน และไม่ได้มีส่วนในขั้นตอนโหวตของกรรมการวินัย เนื่องจากเบญจาไม่ได้มีส่วนในการโหวตของกรรมการวินัย และผลการพิจารณาของกรรมการวินัยส่งมาที่ กก.บห. โดยเบญจาก็ของดออกเสียง เพราะทราบดีว่าถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกรรมการที่เหลือลงมติเอกฉันท์ว่า สส. ปราจีนบุรี มีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง
ชัยธวัชยืนยันว่าเบญจาไม่มีส่วนร้องเรียนเรื่องนี้ และการแต่งตั้งผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ช่วยเบญจานั้นความจริงเบญจาแต่งตั้งเพราะพรรคนำเสนอรายชื่อให้แต่งตั้ง เนื่องจากเห็นว่าเป็นคณะทำงานในจังหวัดปราจีนบุรีที่ทำงานกับพรรคมาตั้งแต่ต้น และไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคล
“เรื่องนี้ต้องพิจารณาแยกกัน เรื่องคุกคามทางเพศอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องถูกกล่าวหาผลักดันให้เกิดการร้องเรียนมีผลประโยชน์ก็แยกกันอีกเรื่องหนึ่ง” ชัยธวัชกล่าว
อ้างอิง: