×

แหวนแห่งราชาทั้ง 8 ว่าด้วยความหมายและเรื่องราวในชีวิตของเมสซี

01.11.2023
  • LOADING...
Lionel Messi

HIGHLIGHTS

  • แหวนวงแรกนี้คือจุดเริ่มต้นตำนานอันยิ่งใหญ่ของเมสซีที่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์เป็นสมัยแรกด้วยผลงานสุดลือลั่นในฤดูกาล 2008/09 โดยเฉพาะการนำบาร์เซโลนาพิชิตแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
  • แหวนวงสุดท้ายคือการปิดฉากตำนานราชาลูกหนังโลกอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด

พลันที่ ลิโอเนล เมสซี ได้ขึ้นรับรางวัลลูกฟุตบอลทองคำ หรือ ‘บัลลงดอร์’ เป็นครั้งที่ 8 ทางด้าน adidas ก็ได้ร่วมแสดงความยินดีกับราชาลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ด้วยภาพของเขาที่กำลังสวมแหวนทองส่องสกาวบนนิ้วมือ

 

แหวนนั้นไม่ได้มีวงเดียว แต่มีจำนวนทั้งสิ้นถึง 8 วงด้วยกัน ซึ่งเป็นจำนวนตามสมัยที่เมสซีได้รับรางวัลบัลลงดอร์ เกียรติยศสูงสุดที่นักฟุตบอลทั่วโลกเฝ้าฝันว่าจะมีโอกาสได้สัมผัสสักครั้งในชีวิต

 

ความพิเศษของแหวนทั้ง 8 วงนี้ไม่ได้อยู่ที่คุณค่าที่มาจากการใช้ทองคำ 14 กะรัตทำขึ้นมา หากแต่อยู่ที่ความหมายและเรื่องราวที่ถูกจารึกไว้บนแหวน

 

และนี่คือความหมายและเรื่องราวของ ‘แหวนแห่งราชา’ ทั้ง 8 วง

 

สำหรับแหวนทั้ง 8 วงที่ adidas ทำขึ้นเพื่อมอบเป็นของขวัญให้แก่เมสซีนั้นถือเป็นกรณีสุดพิเศษ เพราะความสำเร็จระดับนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ และบางทีอาจจะไม่มีใครที่สามารถทำได้แบบนี้อีกแล้ว

 

โดยที่แหวนแต่ละวงจะเป็นตัวแทนของเรื่องราว ความสำเร็จ และความทรงจำ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ราชาลูกหนังโลกได้รางวัลบัลลงดอร์ผ่านการสลักเอาไว้อย่างงดงาม

 

ทุกอย่างเริ่มต้นที่แหวนวงแรก

 

รางวัลบัลลงดอร์

ภาพ: adidas 

 

2009: ‘El Beso’

 

แหวนวงแรกนี้คือจุดเริ่มต้นตำนานอันยิ่งใหญ่ของเมสซีที่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์เป็นสมัยแรกด้วยผลงานสุดลือลั่นในฤดูกาล 2008/09 โดยเฉพาะการนำบาร์เซโลนาพิชิตแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

 

ในเกมนั้นเมสซีต้องดวลกับ คริสเตียโน โรนัลโด คู่ปรับฟ้าประทานผู้เป็นเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ในปี 2008 ซึ่งแน่นอนว่ามีการจับตามองว่าใครกันที่จะเป็นผู้คว้าชัยชนะในเกมวันนั้นได้

 

ปรากฏว่าเมสซีซึ่งถูกตั้งคำถามว่าจะฉายแววในเกมสำคัญระดับนี้ได้หรือไม่ ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นด้วยการทำประตูในนัดชิงชนะเลิศ โดยการโหม่งทำประตูชนิดที่แฟนบอลทั่วโลกไม่อยากเชื่อสายตา

 

หลังได้รับชัยชนะ เมสซีได้จุมพิตตราสโมสรบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นที่มาของรูปสลักบนแหวนวงแรก

 

รางวัลบัลลงดอร์

ภาพ: adidas

 

2010: ‘Apunta Al Cielo’

 

แหวนวงที่ 2 เป็นแหวนแห่งความทรงจำที่ล้ำค่าของเมสซี ด้วยท่าการฉลองประตูที่ชี้นิ้วขึ้นฟ้า

 

ท่าการฉลองประตูนี้เป็นท่าการฉลองประตูที่มีความหมายพิเศษสำหรับเขา เพราะเป็นการอุทิศให้แก่คุณย่าเซเลีย ก่อนที่จะจากไปในปีดังกล่าว

 

สำหรับเมสซีเขาไม่มีวันลืมผู้มอบความรักและความเมตตาให้ตั้งแต่วัยเยาว์

 

รางวัลบัลลงดอร์

ภาพ: adidas

 

2011: ‘GOAT’

 

บาร์เซโลนาในฤดูกาล 2010/11 ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งไม่มีสอง ไม่เป็นรองทีมฟุตบอลทีมไหนที่ได้รับการยกย่องว่ายอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยสไตล์การเล่นที่ไหลลื่น งดงาม สมบูรณ์แบบ และเหนือชั้นกว่าคู่แข่งทุกทีม

 

ในทีมที่ประกอบไปด้วยสุดยอดนักเตะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เซร์คิโอ บุสเกตส์, ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสตา, ดาวิด บียา แต่คนที่เป็นผู้ที่สร้างความแตกต่างให้กับทีมมากที่สุดคือ ลิโอเนล เมสซี

 

รูปแพะบนแหวนสื่อถึงคำว่า The Greatest of All Time หรือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

 

รางวัลบัลลงดอร์

ภาพ: adidas

 

2012: ‘91’

 

ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีนักฟุตบอลคนใดที่ได้รับรางวัลบัลลงดอร์เกินกว่า 3 สมัย สูงสุดที่เคยมีก่อนหน้าเมสซีคือ มิเชล พลาตินี, มาร์โค ฟาน บาสเทน และ โยฮัน ครัฟฟ์ และมีเพียง ‘นโปเลียนลูกหนัง’ พลาตินีคนเดียวที่เคยได้รับรางวัล 3 ปีซ้อน

 

แต่ประวัติศาสตร์ถูกเรียบเรียงใหม่ในปีนั้น หลังจากที่เมสซีคว้ารางวัลบัลลงดอร์ 2012 มาครองได้เป็นสมัยที่ 4 และเป็นคนแรกและคนเดียวที่คว้ารางวัลนี้มาครอง 4 ปีติดต่อกัน

 

ในช่วงเวลานั้นถือเป็นช่วงที่เมสซีกำลังอยู่ในฟอร์มการเล่นที่สุดยอดของวัยหนุ่ม ความสุดยอดของเมสซีคือการสร้างสถิติทำประตูตลอดปี 2012 (นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม) ถึง 91 ประตู ทำลายสถิติดั้งเดิมที่เหมือนจะไม่มีใครทำลายได้ของ แกร์ด มุลเลอร์ ได้สำเร็จ

 

ตัวเลข 91 บนแหวนจึงสื่อถึงสถิติตลอดกาลนี้

 

รางวัลบัลลงดอร์

ภาพ: adidas

 

2015: ‘Campeon’

 

แหวนวงนี้มีรูปถ้วยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก หรือที่เรียกขานกันว่า ‘เจ้าหูใหญ่’ (Big Ears) อยู่ 4 ใบด้วยกัน

 

แน่นอนว่ามันบันทึกเรื่องราวความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเมสซีและบาร์เซโลนาที่พิชิตแชมป์รายการสูงสุดของยุโรปได้เป็นสมัยที่ 4 โดยที่ในปีนั้นถือเป็นอีกปีที่บาร์ซาเล่นกันได้อย่างน่ามหัศจรรย์ที่สุด โดยเฉพาะ 3 ประสานในแนวรุกที่เขย่าโลกลูกหนัง

 

‘MSN’

 

เมสซี- (หลุยส์) ซัวเรซ – เนย์มาร์

 

ถือเป็นช่วงชีวิตที่เมสซีมีความสุขมากที่สุดด้วย เพราะได้เล่นร่วมกับสุดยอดนักเตะที่เท่าทันกันทั้งในจินตนาการการเล่น ชั้นเชิง รวมไปถึงอุปนิสัยใจคอ ซึ่งสำหรับคนรักฟุตบอล ไม่มีอะไรจะมีความสุขมากไปกว่าการเล่นกับ ‘เพื่อน’ ที่เล่นในแนวทางเดียวกันอีกแล้ว

 

 

รางวัลบัลลงดอร์

ภาพ: adidas

 

2019: ‘Golden Shoe’

 

ในโลกฟุตบอลจะมีรางวัลพิเศษที่เรียกว่า ‘รองเท้าทองคำ’ หรือชื่อจริงๆ คือ European Golden Shoe (ส่วนชื่อดั้งเดิมคือ Soulier d’Or ซึ่งก็แปลว่ารองเท้าทองคำนั่นเอง)

 

รางวัลนี้จัดตั้งขึ้นโดยหนังสือพิมพ์กีฬาฝรั่งเศส L’Équipe ซึ่งจะมอบให้แก่นักฟุตบอลผู้ทำประตูมากที่สุดในการแข่งขันลีกสูงสุดภายในทวีปยุโรป เพียงแต่มีการเปลี่ยนกฎเกณฑ์เล็กน้อยตั้งแต่ปี 1997 ที่จะมีการคำนวณ ‘ระดับ’​ ของลีกด้วย เช่น ลีกระดับสูง 5 แห่งของยุโรปตามการจัดอันดับโดย UEFA จะมีการคำนวณคะแนนสูงกว่าลีกในระดับรองลงมา

 

แม้ว่าในปี 2019 เมสซีจะไม่ได้สร้างผลงานที่โดดเด่นหรือประสบความสำเร็จในระดับสโมสร แต่อย่างน้อยยังสามารถคว้ารางวัลรองเท้าทองคำสมัยที่ 6 มาครองได้ และเป็นนักฟุตบอลที่คว้ารางวัลนี้มาครองได้มากที่สุด เช่นนั้นบนแหวนวงนี้จึงมีรูปรองเท้าทองคำทั้ง 6 ของเขาอยู่บนนั้น พร้อมจารึกปีที่ได้รับรางวัลรองเท้าทองคำ รวมถึงสถิติการทำประตูในแต่ละปีที่ทำให้ได้รับรางวัล (34, 50, 46, 37, 34, 36)

 

 

รางวัลบัลลงดอร์ แหวน

ภาพ: adidas

 

2021: ‘Campeon Sud Americano’

 

แหวนวงที่ 7 เป็นแหวนที่ล้ำค่า เพราะสลักรูปดวงอาทิตย์ที่อยู่บนธงชาติอาร์เจนตินา พร้อมข้อความ

 

‘La Albiceleste de Argentina’

 

เรื่องราวที่มานั้นมาจากการที่เมสซีสามารถนำทีม ‘อัลบิเชเลสเต’​ (ขาว-ฟ้า) ผงาดคว้าแชมป์โกปา อเมริกา รายการชิงแชมป์แห่งชาติของทวีปอเมริกาใต้ ได้สำเร็จด้วยการล้มเนย์มาร์ รุ่นน้องที่รักผู้เป็นฮีโร่ของทีมชาติบราซิล ในนัดชิงชนะเลิศ ที่สนามมาราคานา

 

แชมป์นี้ถือเป็นแชมป์ที่มีความหมายอย่างยิ่งสำหรับเมสซี เพราะตลอดชีวิตเขาถูกปรามาสจากการที่ไม่เคยนำอาร์เจนตินาคว้าแชมป์รายการใดได้เลย เคยถูกต่อต้านจากกองเชียร์ และเคยถึงขั้นประกาศอำลาทีมชาติหลังพ่ายแพ้ในเกมนัดชิงชนะเลิศ 3 รายการติดต่อกัน

 

การคว้าแชมป์ในปีนั้นเป็นการปลดล็อกกำแพงในใจของเมสซีที่เหมือนค้นพบความสงบในชีวิตที่เฝ้าตามหามานาน

 

และที่สำคัญที่สุดคือ การที่เขาพิสูจน์ตัวเองให้แฟนอาร์เจนตินาได้เห็นแล้วว่าเขาตั้งใจทำเพื่อทุกคน

 

ความรักได้ก่อเกิดขึ้นระหว่างกันในที่สุด

 

รางวัลบัลลงดอร์

ภาพ: adidas

 

2023: ‘Campeon del Mundo 2022’

 

แหวนวงสุดท้ายคือการปิดฉากตำนานราชาลูกหนังโลกอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด

 

เรื่องราวการต่อสู้ของเมสซีในวัย 35 ปี กับความฝันครั้งสุดท้ายที่จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก โทรฟี่ใบเดียวที่รอคอยมาทั้งชีวิต การยืนหยัดอย่างกล้าหาญในฐานะผู้นำของทีม และความมหัศจรรย์ที่ปรากฏออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า คือหนึ่งในเรื่องราวที่งดงามที่สุดที่เกิดขึ้น

 

ดาวบนแหวนทองมีทั้งสิ้น 3 ดวงด้วยกัน ซึ่งเป็นตัวแทนถึงการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก (ทีมแชมป์โลกจะได้รับอนุญาตให้ปักดาวบนหน้าอกเสื้อได้)

 

ในดาวทั้งหมดนั้น ดวงตรงกลางคือดาวห้าแฉกที่ใหญ่ที่สุด

 

มันคือดาวของเมสซีที่จะอยู่บนฟากฟ้าตลอดไป

 

อ้างอิง:

FYI
  • แหวนทั้ง 8 วงนี้จะถูกนำออกประมูลหลังจากนี้ โดยรายได้จากการประมูลจะมอบให้แก่การกุศล ซึ่งเมสซีและ adidas จะเป็นผู้เลือกว่าจะบริจาคให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานใด
  • ก่อนหน้านี้ในปี 2021 adidas เคยร่วมฉลองให้เมสซีที่ได้บัลลงดอร์สมัยที่ 7 มาแล้วด้วยการทำรูปปั้นแพะที่สื่อถึงคำว่า ‘GOAT’ 7 ตัวด้วยกัน
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X