หลังจากที่ สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ประกาศรุกธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ บริษัทต้องเผชิญกับภาระทางหนี้ที่ฉุดให้หุ้นของบริษัททำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ข้อมูลที่รวบรวมโดย Bloomberg พบว่า สมโภชน์ซึ่งถือครองหุ้นของบริษัทอยู่ 40% มีมูลค่าหุ้นลดลงเหลือประมาณ 6.7 หมื่นล้านบาท หลังจากที่ราคาหุ้นดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีในวันพฤหัสบดี (26 ตุลาคม) โดยหุ้น EA ลดลงประมาณ 54% ในปี 2023 ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในบรรดาบริษัท 131 แห่งในดัชนี MSCI Southeast Asia
ทั้งนี้ ราคาหุ้น EA เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ปิดการซื้อขายที่ 44.50 บาทต่อหุ้น และราคาหุ้นเมื่อวันศุกร์ (27 ตุลาคม) ปิดการซื้อขายที่ 45.00 บาทต่อหุ้น
บมจ.พลังงานบริสุทธิ์เป็นบริษัทพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด บริษัทได้ทุ่มเงินหลายพันล้านเพื่อสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่สำหรับแบตเตอรี่ รวมถึงรถโดยสารไฟฟ้า เรือเฟอร์รี และรถไฟ ในขณะเดียวกันรัฐบาลไทยเข้าร่วมการผลักดันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในเวทีโลก แต่ถึงกระนั้น การลงทุนและการขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้าก็ทำให้บริษัทเผชิญกับหนี้สินและการขายผลิตภัณฑ์ที่เป็นสินเชื่อเพิ่มขึ้น
ดุลเดช บิค นักวิเคราะห์จาก DBS Vickers Securities (ประเทศไทย) กล่าวว่า “เรามีความกังวลในสุขภาพทางการเงินของ EA มากขึ้น เนื่องจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ติดลบอย่างต่อเนื่อง จะเพิ่มแรงกดดันต่อภาระหนี้ของบริษัทด้วยการกู้ยืมที่มากขึ้น”
บริษัทบันทึกกระแสเงินสดอิสระลดลงไป 6.4 พันล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 แม้ว่ารายได้สุทธิจะเพิ่มขึ้น 82% เป็น 4.48 พันล้านบาท
ตามข้อมูลของดุลเดช การขาดดุลเงินสดของ EA มีสาเหตุหลักมาจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น และลูกหนี้ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากปีก่อนหน้าเป็นประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทอาศัยการขายรถยนต์ไฟฟ้าในหน่วยของตนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงได้ นอกจากนี้ แม้ราคาหุ้นจะตกต่ำเป็นอย่างมาก แต่หุ้นยังถูกจัดอันดับเต็มมูลค่า (Fully Valued) แล้ว
จากการนำเสนอล่าสุดต่อผู้ถือหุ้น บริษัทกล่าวว่ามีแผนเพิ่มเงินลงทุน 60% เป็น 11,000 ล้านบาทในปีนี้
วสุ กลมเกลี้ยง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัท ระบุกับนักลงทุนเมื่อเดือนที่แล้วว่าหนี้คงค้างและอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของ EA ยังอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ นอกจากนี้บริษัทยังเร่งขยายการผลิตแบตเตอรี่เพื่อตอบสนองความต้องการของ EV ที่เพิ่มขึ้น
อำนาจ โงสว่าง นักวิเคราะห์จาก Daol Securities (ประเทศไทย) ยังมองแง่ดีต่อราคาหุ้นของบริษัท โดยตั้งราคาเป้าหมายเฉลี่ย 12 เดือนอยู่สูงกว่าระดับปัจจุบันถึง 60% จากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ที่เพิ่มมากขึ้น จะช่วยสนับสนุนแนวโน้มผลประกอบการของ EA ให้ฟื้นตัวอีกครั้ง
อ้างอิง: