×

Avicii สุดยอดดีเจผู้ปฏิวัติวงการเพลง EDM

21.04.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • เพลง Wake Me Up ทำให้ชื่อเสียงของ Avicii ก้าวกระโดดขึ้นมาอยู่บนยอดเขาของวงการอิเล็กทรอนิกส์ เพราะเพลงขึ้นอันดับหนึ่งในมากกว่า 20 ประเทศและเป็นเพลงที่ถูกค้นหาสูงสุดตลอดกาลบนแอปฯ Shazam มากกว่า 23 ล้านครั้ง
  • เพลงของ Avicii ถูกนิยามว่าเป็นสาย Progressive House ในวงการเพลง EDM ที่มีความป๊อป เข้าถึงง่าย กับท่อนฮุกและคอรัสที่ติดหู โดยแรงบันดาลใจสำคัญของ Avicii ก็คือวง Daft Punk และวง Swedish House Mafia ที่มาจากประเทศบ้านเกิดเดียวกัน
  • ผลลัพธ์จากความตึงเครียดและการหักโหมอย่างหนักจากการทัวร์ในปี 2016 Avicii ได้ประกาศอำลาวงการและเกษียณตัวเองจากการทัวร์คอนเสิร์ตอย่างถาวร

 

 

กำลังเป็นข่าวที่สร้างความช็อกอย่างมหาศาลต่อวงการเพลง กับการเสียชีวิตของดีเจ ศิลปิน และโปรดิวเซอร์เพลงชาวสวีเดน Avicii หรือชื่อจริง Tim Bergling ในวัยเพียง 28 ปี ที่เมืองมัสกัต ประเทศโอมาน ในช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งทางโฆษกส่วนตัวของ Avicii ได้ออกมาคอนเฟิร์มข่าว แต่จะยังไม่มีการประกาศสาเหตุการเสียชีวิตแต่อย่างใด และขอความเป็นส่วนตัวสำหรับครอบครัวในช่วงเวลาอันโศกเศร้า

 

แม้ด้วยวัยเพียง 28 ปี แต่ผลงานที่ Avicii สร้างสรรค์ถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติวงการเพลงอิเล็กทรอนิกส์ให้มีจุดยืน และประสบความสำเร็จบนกระแสหลักทางคลื่นวิทยุ Top 40 ทั่วโลกด้วยเพลงอย่าง Levels, Waiting For Love และ Wake Me Up ซึ่งเพลงนี้มียอดสตรีมบน Spotify สูงเกือบ 600 ล้านครั้ง ส่วนมิวสิกวิดีโอบนยูทูบก็มียอดวิว 1.4 พันล้านครั้ง เป็นหนึ่งในมิวสิกวิดีโอที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาล

 

Avicii เกิดเมื่อวันที่ 8 กันยายนปี 1989 ที่สตอกโฮล์ม เมืองหลวงประเทศสวีเดน โดยปล่อยผลงานเพลงแรก ‘Sound of Now’ ในปี 2008 ภายใต้ชื่อ Tim Berg ก่อนที่จะเริ่มเป็นที่รู้จักจากเพลง Seek Bromance ที่ขึ้นชาร์ตอันดับ 13 ในประเทศอังกฤษ แต่พอมาในปี 2011 เขาก็ได้เปลี่ยนชื่อศิลปินเป็น Avicii ตามคำว่า ‘อเวจี’ ของหลักศาสนาพุทธ และปล่อยเพลง Levels ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง จนทำให้ Avicii เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดยเพลง Levels มีการนำเสียงร้องของศิลปินตำนานยุค 60s อย่าง Etta James จากเพลง Something’s Got a Hold On Me มาใช้ และกลายเป็นเพลงที่คลับทั่วโลกต้องเปิดกัน เพลงนี้ได้เข้าชิงรางวัลแกรมมีสาขา Best Dance Recording ในปี 2013

 

 

 

แต่ที่เป็นก้าวกระโดดคือการปล่อยเพลง Wake Me Up จากอัลบั้มชุดแรก True ของ Avicii ในปี 2013 ชื่อเสียงของเขาก็พุ่งขึ้นไปอยู่บนยอดเขาของวงการอิเล็กทรอนิกส์ เพราะเพลงขึ้นอันดับหนึ่งในชาร์ตมากกว่า 20 ประเทศ เป็นเพลงแดนซ์เพลงแรกที่ขายได้มากกว่า 4 ล้านก๊อบปี้ในสหรัฐอเมริกา และเป็นเพลงที่ถูกเสิร์ชมากสุดบนแอปฯ Shazam ตลอดกาลมากกว่า 23 ล้านครั้ง

 

สำหรับสไตล์เพลงของ Avicii ถูกนิยามว่าเป็นสาย Progressive House ในวงการเพลง EDM ที่มีความป๊อปเข้าถึงง่าย กับท่อนฮุกและคอรัสที่ติดหู โดยแรงบันดาลใจสำคัญของ Avicii ก็คือวง Daft Punk และวง Swedish House Mafia ที่มาจากประเทศบ้านเกิดเดียวกัน

 

ด้วยความสำเร็จอย่างรวดเร็วของ Avicii เขาได้กลายเป็นดีเจสุดฮอตที่ไปทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกและตามเทศกาลดนตรี EDM ระดับท็อป ทั้ง Tomorrowland และ Ultra Music Festival โดยในปี 2014 เขาได้ติดลิสต์ดีเจทำเงินสูงสุดของนิตยสาร Forbes กับรายได้ 28 ล้านเหรียญหรือราว 880 ล้านบาท แต่เพราะความตึงเครียดและการหักโหมจากการทัวร์ในปี 2016 เขาได้ประกาศอำลาและเกษียณตัวเองจากการทัวร์

 

Avicii เริ่มมีปัญหาสุขภาพ และได้ยกเลิกการแสดงสำคัญต่างๆ เขาได้โพสต์ข้อความให้แฟนๆ ในตอนนั้นว่า “สิ่งที่ผมเลือกให้กับชีวิตและการทำงานไม่เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินหรือวัตถุ ถึงแม้ว่าผมจะโชคดีที่ได้รับโอกาส ความสำเร็จ และได้เดินทางไปแสดงทั่วโลก แต่ผมกลับเหลือตัวตนอยู่เพียงน้อยนิดเบื้องหลังการเป็นศิลปิน”

 

 

 

แม้ Avicii จะยุติการเล่นคอนเสิร์ตอย่างถาวร แต่เขาก็ยังมีผลงานเพลงต่างๆ เช่น โปรดิวซ์เพลง A Sky Full of Stars ของ Coldplay และผลงานชิ้นสุดท้ายกับอัลบั้มอีพี Avicii (01) ซึ่งมีเพลงดังอย่าง Without You ที่ร้องโดย Sandro Cavazza และเพลง Lonely Together ที่ได้ Rita Ora มาร้อง

 

และตั้งแต่มีประกาศการเสียชีวิตของ Avicii เหล่าดีเจแถวหน้าของวงการเพลงทั้ง Calvin Harris, David Guetta, Diplo, Kygo, Zedd, Martin Garrix, Steve Aoki, Marshmello และ Deadmau5 ก็ได้โพสต์ข้อความยกย่องและรำลึกถึง Avicii หนึ่งในบุคคลที่ช่วยเบิกทางให้ดีเจเหล่านี้มีพื้นที่ในวงการกระแสหลัก ไปเล่นคอนเสิร์ตรอบโลก และทำให้เห็นว่าเพลงอิเล็กทรอนิกส์ก็มีความสำคัญและสามารถเชื่อมโยงผู้คนได้ไม่น้อยไปกว่าดนตรีประเภทอื่นๆ

 

Life’s a game made for everyone and love is the prize. So wake me up when it’s all over – when I’m wiser and I’m older. All this time I was finding myself and I didn’t know I was lost.

– Wake Me Up, Avicii

 

THE STANDARD ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปครั้งนี้

 


 

https://www.instagram.com/p/BhzVtLhHWrD/

 

https://www.instagram.com/p/BhzTQ57nqCl/

 

https://www.instagram.com/p/BhzZlW4Awce/

 

https://www.instagram.com/p/BhzWdRUD4LC/

 

https://www.instagram.com/p/BhzXNzAgnjU/

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X