วันนี้ (12 ตุลาคม) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงผลปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมอาวุธปืนผิดกฎหมายทั่วประเทศ ‘Gun Clearance Operation’ โดยใช้กองกำลังจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.), กองบัญชาการตำรวจนครบาล, กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
สนธิกำลังร่วมกันลงพื้นที่สืบสวนหาเบาะแสผู้กระทำความผิดจนนำมาสู่การขอศาลอนุมัติออกหมายค้น และเข้าตรวจค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่าย ดัดแปลง และซื้อขายอาวุธปืน 3,224 จุด จับกุมผู้กระทำผิด 1,593 คดี มีผู้ต้องหา 1,585 คน และตรวจยึดอาวุธปืนและเครื่องกระสุนผิดกฎหมายได้จำนวนมาก ประกอบด้วย
- อาวุธปืนไม่มีทะเบียน แบลงค์กัน และบีบีกัน จำนวน 1,789 กระบอก ในจำนวนนี้มีแบลงค์กัน 528 กระบอก และบีบีกัน 202 กระบอก
- อาวุธปืนมีทะเบียน ซึ่งเป็นของบุคคลอื่นหรือปืนผิดมือ จำนวน 219 กระบอก
- เครื่องกระสุน 75,973 นัด
นอกจากนี้ บช.สอท. ยังได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์ที่กระทำความผิดเกี่ยวข้องกับอาวุธปืน ประกอบด้วย Facebook 79 บัญชี, TikTok 14 บัญชี, X (Twitter) 148 บัญชี, YouTube 26 ช่อง และ Instagram 14 บัญชี รวม 281 รายการ
พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ ระบุว่า ที่ผ่านมาได้มีการระดมกวาดล้างอาวุธปืนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเล็งเห็นว่าเป็นภัยสังคมที่ต้องกวาดล้าง โดยจากสถิติการก่ออาชญากรรมพบว่าส่วนใหญ่ผู้ก่อเหตุจะใช้ปืนผิดกฎหมายและแบลงค์กัน มีส่วนน้อยที่จะใช้ปืนถูกกฎหมายก่อเหตุ
นอกจากนี้ยังได้หารือกับทางตัวแทนผู้ประกอบการแอปพลิเคชันจำหน่ายสินค้าออนไลน์และบริษัทรับส่งพัสดุ ช่วยตรวจสอบป้องกันไม่ให้มีการจำหน่ายและส่งอาวุธปืนผิดกฎหมาย เพราะที่ผ่านมายังไม่มีการตรวจสอบจากต้นทาง จึงทำให้การจำหน่ายและส่งอาวุธปืนผิดกฎหมายทำได้โดยง่าย
อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เยาวชนอายุ 14 ปี ก่อเหตุยิงในห้างสรรพสินค้าเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา จึงได้เรียกประชุมคณะทำงาน และได้มอบหมายงานให้ พล.ต.ท. ธนา ชูวงศ์ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูแลงานสืบสวน ให้ดำเนินมาตรการเชิงรุก โดยให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมาย และระดมกำลังทั่วประเทศในการกวาดล้างอาชญากรรมในห้วงระหว่างวันที่ 9-11 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายหลักคือการทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน, อาวุธสงคราม, เครื่องกระสุน และการลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย ทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์ รวมทั้งปิดกั้นสื่อสังคมออนไลน์ทุกประเภทที่มีการลักลอบซื้อขาย ดัดแปลง และแก้ไขอาวุธปืนผิดกฎหมาย
พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ กล่าวต่อว่า เชื่อว่าปฏิบัติการครั้งนี้จะทำให้ความรุนแรงของอาชญากรรมและการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนลดลง ซึ่งยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน นักท่องเที่ยว และนักลงทุนต่างชาติ อันจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศ
โดยจะเดินหน้ากวาดล้างจับกุมอย่างต่อเนื่องต่อไป ซึ่งหากประชาชนพบเบาะแสการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและอาชญากรรม สามารถแจ้งมาได้ที่สายด่วน 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง