×

นลินี ทวีสิน เล็งเจรจาอินโดฯ ฟื้นฟูการลงทุนวงการประมงทะเล พร้อมใช้เวที APEC หารือแก้ปัญหา ตั้งเป้าให้ไทยกลับเป็นเจ้าสมุทร

โดย THE STANDARD TEAM
01.10.2023
  • LOADING...
นลินี ทวีสิน

วันนี้ (1 ตุลาคม) นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย ในฐานะกรรมการแก้ไขปัญหาการประมงทะเล เพื่อฟื้นฟูการประมงทะเลและอุตสาหกรรมประมง เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566 ซึ่งมี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และตนร่วมเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างประเทศ จะเข้ามารับผิดชอบเรื่องการเจรจากับต่างประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญภายใต้คณะอนุกรรมการ 6 ด้านที่จะตั้งขึ้น มีเป้าหมายเพื่อนำประเทศไทยกลับมาเป็นเจ้าสมุทรอีกครั้ง

 

สำหรับการเจรจาระหว่างประเทศตามนโยบายของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มุ่งไปที่การสร้างความร่วมมือกับคู่เจรจา เช่น การขอเปิดน่านน้ำอินโดนีเซีย และการลดอุปสรรคต่างๆ เช่น การบังคับติดตั้งวิทยุขาวดำบนเรือ เป็นต้น โดยการเจรจากับอินโดนีเซียที่ผ่านมาไทยเคยมีเรือประมงเข้าไปทำประมงในเขตน่านน้ำอินโดนีเซียกว่า 1,000 ลำ นำทรัพยากรกลับมายังประเทศไทยปีละกว่า 600,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท 

 

จากนั้นอินโดนีเซียปิดน่านน้ำไม่อนุญาตให้ต่างชาติเข้าไปทำการประมงตั้งแต่ปี 2557 แต่ขณะนี้มีแนวโน้มที่จะเปิดน่านน้ำอีกครั้ง เราจึงต้องใช้โอกาสนี้เข้าไปเจรจาเพื่อร่วมมือกัน เพราะอินโดนีเซียมีแนวทางที่จะเปิดให้ต่างชาติเข้าไปร่วมลงทุนกับกิจการประมงของอินโดนีเซียแบบครบวงจร และอนุญาตให้แรงงานต่างชาติทำงานบนเรือประมงได้ ซึ่งจะเป็นผลดีกับไทย ช่วยเพิ่มผลผลิตและลดการนำเข้า สามารถนำไปเป็นวัตถุดิบในการแปรรูปและส่งออก ทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจหลายหมื่นล้านบาทต่อไป และจะมีการจัดสรรผลประโยชน์ที่เป็นธรรมให้กับอินโดนีเซียด้วย

 

นลินีกล่าวต่อว่า ในการเจรจาระหว่างประเทศจะต้องไม่สร้างความขัดแย้งหรือกระทบกระทั่งกับคู่เจรจาอย่างกรณีของ EU และต้องใช้เวทีการหารือระหว่างประเทศต่างๆ ให้เป็นประโยชน์ อย่างเช่นการประชุมระดับผู้นำ APEC 2023 ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยคำนึงถึงการเคารพกฎหมาย ผลประโยชน์ที่ทุกฝ่ายจะได้รับ และการสร้างความมั่นคงยั่งยืน (Sustainability) ให้กับทรัพยากรธรรมชาติควบคู่กันด้วย

 

“แม้เราจะส่งออกสินค้าอาหารทะเลแปรรูปเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และมีรายได้มากกว่าแสนล้านบาทต่อปี แต่ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมประมงได้รับผลกระทบจากกฎกติการะหว่างประเทศ เมื่อเรารับฟังปัญหาแล้วจึงต้องเร่งแก้ไข เพราะผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือชาวประมงและผู้ประกอบการ ทั้งประมงพื้นบ้าน ชายฝั่ง และพาณิชย์ เราพบว่าตัวเลขส่งออกสินค้าประมงลดลง และต้องนำเข้ามากขึ้น คนทำอาชีพประมงน้อยลง โรงงานขนาดเล็กต้องปิดตัว ทะเลหลวงเดินทางไม่สะดวก และยังมีคดีความที่เกี่ยวข้องกับการทำประมงอีกมากกว่า 1,000 คดีที่อยู่ระหว่างดำเนินการ สิ่งเหล่านี้รัฐบาลตั้งใจเข้ามาสะสางและช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด” นลินีกล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising