วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา Netflix ผู้นำบริการด้านความบันเทิงทางอินเทอร์เน็ตระดับโลก ได้ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการกับ GMM Grammy ผู้นำทางด้านสื่อและธุรกิจบันเทิงแบบครบวงจรของเมืองไทย นำคอนเทนต์ที่หลากหลายกว่า 700 ชั่วโมงออกอากาศให้สมาชิกของ Netflix กว่า 125 ล้านคนทั่วโลกได้รับชมพร้อมกัน
สำหรับข้อตกลงในครั้งนี้คือการนำซีรีส์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของกลุ่ม GMM Grammy เช่น Hormones วัยว้าวุ่น, ฉลาดเกมส์โกง, O-Negative รักออกแบบไม่ได้ ฯลฯ ประเดิมออกอากาศในวันศุกร์ที่ 20 เมษายนนี้ เวลา 14.00 น. รวมถึงซีรีส์ 11 เรื่องใหม่ที่กำลังจะออกอากาศอย่าง Girl From Nowhere The Series, The Judgement, Monkey Twins, Bangkok Love Stories Season 2 และ Sleepless Society ซึ่งจะทยอยออกอากาศให้ได้ชมพร้อมกันทั่วโลกทาง Netflix เร็วๆ นี้
เอริกา นอร์ธ Director of International Originals ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Netflix กล่าวว่า “เราเชื่อว่าคอนเทนต์ดีๆ ที่มีความหลากหลายของ GMM Grammy จะสามารถเข้าถึงผู้ชมทั่วโลกบนการให้บริการของ Netflix ได้ ซึ่งสมาชิกของ Netflix กว่า 190 ประเทศทั่วโลกจะได้พบกับความสดใหม่และความน่าตื่นเต้นจากการเล่าเรื่องผ่านซีรีส์คุณภาพจากเมืองไทย”
ด้าน ภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ความร่วมมือของ GMM Grammy กับ Netflix ครั้งนี้ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่และสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญให้กับคอนเทนต์จากประเทศไทย เราภูมิใจและตื่นเต้นที่ฝีมือของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง คนเขียนบท ผู้กำกับ และทีมโปรดักชัน จะได้เข้าถึงผู้ชมกว่าล้านคนทั่วโลก ยิ่งไปกว่านั้นเรายังรู้สึกตื่นเต้นที่ทีมครีเอเตอร์ในเครือ GMM Grammy จะได้นำคอนเทนต์ที่หลากหลายออกสู่สายตาของผู้ชมทั่วโลกบนแพลตฟอร์มของ Netflix ซึ่งจะสามารถดึงดูดความสนใจและทำให้ทุกคนทั่วโลกได้รู้จักวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทยมากขึ้น”
ก่อนหน้านี้เคยมีกระแสข่าวลือว่า Netflix เตรียมนำคอนเทนต์ไทยจาก GMM Grammy เรื่อง ‘วายุพหุยุทธ์’ ออกอากาศบนแพลตฟอร์มไปแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนที่กระแสข่าวลือดังกล่าวจะเงียบหายไป ขณะที่เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาก็มีคนตาดีไปเห็นซีรีส์เรื่อง O-Negative และ Club Friday ออกอากาศเงียบๆ มาแล้ว ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้น่าจะส่งผลให้ตลาดคอนเทนต์ซีรีส์บ้านเราตื่นตัวและคึกคักกันอีกครั้ง รวมไปถึงโอกาสของความเป็นไปได้ที่ Netflix จะทยอยผลิตออริจินัลคอนเทนต์ร่วมกับบริษัทในไทยมากขึ้นในอนาคต