ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ปรับตัวลดลง 18.75% ในช่วงการซื้อขายครึ่งวันแรก ปิดที่ 84.5 บาท โดยระหว่างวันราคาลดลงไปต่ำสุดที่ 83.75 บาท
ขณะเดียวกันข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า มีรายการซื้อขายแบบ Trade Report หรือการขายบิ๊กล็อต ที่ราคาเฉลี่ย 94.74 บาท จำนวน 107,778,800 หุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 1.02 หมื่นล้านบาท
Delta Electronics ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ DELTA เปิดเผยว่า บริษัททำรายการขายหุ้นจำนวน 89,232,800 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 8.45 พันล้านบาท หรือราว 0.72% ของหุ้นทั้งหมด ที่ราคาเฉลี่ย 94.75 บาท โดยหลังการทำรายการดังกล่าวทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้น DELTA ลดลงเหลือ 63.07%
ทั้งนี้ Delta Electronics ยืนยันว่า DELTA ประเทศไทยยังคงเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญต่อแผนพัฒนาของบริษัทในอนาคต รวมทั้งแผนในการขยายธุรกิจทั่วโลก
ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่ารายการขายดังกล่าว “น่าจะเป็น Sentiment เชิงลบต่อราคาหุ้น คนน่าจะมองว่าหุ้น DELTA จบรอบไปแล้ว และวันนี้ราคาหุ้น DELTA ก็ลดลงไปต่ำกว่าราคาขายบิ๊กล็อต”
ทั้งนี้ รายการดังกล่าวเป็นการขายให้กับกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ด้าน บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า การทำธุรกรรมซื้อขายหุ้น DELTA เพื่อเพิ่มจำนวน Free Float และเพื่อเพิ่มระดับ Turnover Ratio ในเดือนนี้ของตัวหุ้นให้เพิ่มขึ้นมาเกินเกณฑ์ 2% ขั้นต่ำสำหรับการที่หุ้น DELTA จะยังดำรงอยู่ในดัชนี SET50 และ SET100 ต่อไปได้ ถือเป็นการต่อลมหายใจไปอีกเดือนหนึ่ง หลังจากที่เดือนก่อนหน้านี้ Turnover Ratio ของ DELTA เกินกว่าเกณฑ์ 2% ไปเพียงแค่ 0.2% ส่วนเดือนนี้ก่อนที่จะทำรายการอยู่ที่เพียง 1.29%
สำหรับประเด็น DELTA น่าติดตามว่าจะช่วยให้ปริมาณการซื้อขายสูงขึ้นหรือไม่ในช่วงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน หากสูงขึ้นและเกินกว่าเกณฑ์ Turnover ที่ 2% จะทำให้ DELTA ยังคงอยู่ใน SET50 และ SET100 ต่อไป
ทั้งนี้ การคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 ในรอบต่อไป เราคาดว่าหุ้น JMT ซึ่งมีมูลค่าตามราคาตลาดเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ในอันดับ 46 มีโอกาสถูกนำเข้ามาคำนวณใหม่ ซึ่งหาก DELTA ไม่หลุด อาจเป็นหุ้น TIDLOR ที่ต้องหลีกทางให้ JMT