×

พล.ต.ท. ไตรรงค์ เตรียมเรียกสอบเจ้าของบ้านที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ เช่าเดือนละ 50,000 บาท หลังมีหลักฐานผู้ต้องหาเว็บพนันเข้า-ออก ใช้บัญชีม้าจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ

โดย THE STANDARD TEAM
26.09.2023
  • LOADING...
เจ้าของบ้าน สุรเชษฐ์ หักพาล

วันนี้ (26 กันยายน) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมทนายความเดินทางไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อเอาผิดตำรวจชุดตรวจค้นบ้านพักย่านวิภาวดี 60 ว่าเป็นการค้นโดยมิชอบ

 

พล.ต.ท. ไตรรงค์กล่าวยืนยันว่า การตรวจค้นเป็นไปตามหลักกฎหมาย ตั้งแต่การขอออกหมายค้นและหมายจับจากศาล มีการระบุตัวตนของบุคคลตามหมายจับ รวมถึงอาชีพ ทั้งนี้ไม่ได้ปิดบังว่าเป็นตำรวจในการแถลงต่อศาล อีกทั้งกฎหมายก็ไม่ได้กำหนดไว้ว่าจะต้องระบุยศ สามารถใช้คำนำหน้าว่านายได้ และมีหลายครั้งที่การออกหมายจับตำรวจบางคดีต้องให้เกียรติกัน จึงปกปิดยศทางราชการ

 

แต่ยืนยันได้ว่ามีเหตุให้เจ้าหน้าที่เข้าค้นบ้านพัก เพราะ พ.ต.ต. ชานนท์ อ่วมทร ผู้ต้องหาที่ออกหมายจับ มีหลักฐานว่าเข้าออกภายในบ้านทั้ง 5 หลังนี้ มีชื่อผู้ต้องหาลงทะเบียนรับ-ส่งพัสดุเป็นประจำ และชำระค่าสาธารณูปโภคซึ่งเป็นเงินจากบัญชีม้า ทั้งนี้ไม่ทราบว่า พ.ต.ต. ชานนท์เป็นนายตำรวจติดตามของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ และไม่ทราบมาก่อนว่า พล.ต.อ. สุรเชษฐ์จะพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักที่ตรวจค้น เพราะหมู่บ้านดังกล่าวมีการรักษาความปลอดภัยแบบระบบปิด ตำรวจจึงไม่ทราบว่ามีใครพักอยู่ภายในบ้านพักบ้าง

 

ส่วนกรณีที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ PCT ได้สืบสวนและออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 23 คน ตรวจค้น 30 จุดนั้น พล.ต.ท. ไตรรงค์กล่าวว่า มีกำลังไม่เพียงพอจึงต้องขอกำลังสนับสนุนจากตำรวจที่ทำงานและพร้อมส่งต่อข้อมูลกันได้ โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.), กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ที่มีตำรวจ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เข้าร่วมด้วย 

 

เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ส่วนการใช้กำลังตำรวจพร้อมอาวุธครบมือเข้าปฏิบัติงานเป็นผลจากการประเมินความเสี่ยง เพราะผู้ต้องหาบางคนมีประวัติคดีอาชญากรรมและคดียาเสพติด และผู้ต้องหาส่วนหนึ่งเป็นตำรวจ จึงเชื่อว่ามีอาวุธไว้ป้องกันตัว ชุดจับกุมจึงต้องเตรียมพร้อมในการปฏิบัติการ ไม่ได้มีนัยอื่นแอบแฝง

 

ส่วนตำรวจทั้ง 8 นายที่ถูกจับจะให้ออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่นั้น พล.ต.ท. ไตรรงค์กล่าวว่า ขอให้เป็นการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา แต่ละต้นสังกัดขณะนี้ทราบเรื่องแล้ว และอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งตำรวจทั้ง 8 นายยังคงให้การปฏิเสธ และไม่ขอให้การในชั้นพนักงานสอบสวน

 

ส่วนการขยายผลของผู้ต้องหาในเครือข่ายนี้ เตรียมพิจารณาดำเนินคดีและออกหมายเรียกมาให้ข้อมูลในพยานกับผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้รับผลประโยชน์และกลุ่มที่มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกับบัญชีม้า 2 บัญชี เงินหมุนเวียน 260 ล้านบาท พร้อมยืนยันตามข่าวที่ออกมาว่าในกลุ่มองค์กรสื่อมวลชนและบุคคลรวมอยู่ในกลุ่มรับผลประโยชน์ด้วย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยจำนวน ดังนั้นจึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังบุคคลที่รู้ว่าตนเองมีธุรกรรมการเงินเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าเหล่านี้ ให้มาแสดงตัวเข้าให้ปากคำกับตำรวจ

 

ส่วนกรณีบุคคลที่ชื่อว่า แต๋ม เป็นนักธุรกิจขนส่งรายใหญ่ในจังหวัดอุดรธานีและภรรยา ปรากฏชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านที่เข้าตรวจค้นทั้ง 5 หลัง และเป็นผู้จ่ายค่าส่วนกลางปีที่ผ่านมา เป็นเงิน 142,000 บาท และเป็นผู้ขอใช้ไฟฟ้าให้กับบ้านทั้ง 5 หลัง วันนี้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ยอมรับว่าเช่าบ้านแต๋มอยู่ เดือนละ 50,000 บาท โดยระบุว่าเป็นญาติกัน 

 

พล.ต.ท. ไตรรงค์กล่าวว่า เพิ่งทราบเรื่องจากสื่อมวลชน แต่เมื่อวานนี้ (25 กันยายน) พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นบ้านญาติ ไม่ได้มีการเช่า หลังจากนี้ก็จะต้องตรวจสอบว่าแต๋มมีความสัมพันธ์เครือญาติด้านไหนของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หากมีการเช่าจริงก็ต้องมีสัญญาตามกฎหมาย โดยจะต้องเรียกแต๋มมาให้ปากคำเร็วๆ นี้

 

ส่วนเส้นทางการเงินจะเชื่อมโยงไปถึงนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือไม่นั้น ยังไม่ขอเปิดเผย เพราะอยู่ในสำนวน แต่ยืนยันว่าการที่ผู้ใต้บังคับบัญชากระทำผิด ไม่ได้เป็นเหตุให้ต้องออกหมายเรียกผู้บังคับบัญชาของบุคคลนั้นมาสอบปากคำ แต่จะต้องมีพยานหลักฐานส่วนอื่นประกอบด้วย

 

นอกจากนี้ พล.ต.ท. ไตรรงค์ยังเปิดเผยว่า ในแนวทางการสืบสวน ผู้ต้องหา 4 กลุ่มที่จับกุมได้นั้น ในกลุ่มผู้บริหารจัดการเว็บไซต์นั้น ประกอบด้วยตำรวจ 1 คน และพลเรือน 2 คน ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 คนที่เป็นทหารนั้น เป็นพลทหารประจำการ เกี่ยวข้องในส่วนของกลุ่มฟอกเงินและบัญชีม้า ขณะที่ภาพรวมการยึดทรัพย์สินของกลางยึดได้ เช่น รถยนต์หรู เครื่องเพชร ทองคำ พระเครื่อง รวมมูลค่ากว่า 143 ล้านแล้ว

 

ทั้งนี้ พล.ต.ท. ไตรรงค์กล่าวยืนยันว่า คดีนี้ไม่ได้ทำตามกระแส หรือเป็นผลจากการเมือง แต่สืบสวนมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน พบพยานหลักฐานสำคัญจนสามารถขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้ถึง 23 หมายจับ จึงต้องรีบดำเนินการ มิฉะนั้นหากปล่อยไว้ผู้ต้องหาอาจเคลื่อนย้ายทรัพย์สินหรือหลักฐานสำคัญจนเสียรูปคดี โดยเฉพาะกลุ่มบัญชีม้าและกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ โดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ที่ตามกฎหมายต้องยึดอายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบ หากพบว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิด ทรัพย์ดังกล่าวก็ต้องตกเป็นของแผ่นดิน พร้อมขอความเป็นธรรมให้กับชุดจับกุม ไม่ได้ทำงานเพื่อกลั่นแกล้งใคร

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X