วันนี้ (19 กันยายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพบ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าเรื่องที่จะหารือวันนี้ขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่าจะพูดคุยเรื่องอะไร หากสอบถามเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวตนก็จะตอบ เพราะขณะนี้เรื่องค้างอยู่ที่กรุงเทพมหานคร
เมื่อถามว่าส่วนตัวมองว่านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายจะติดปัญหาที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือไม่ ชัชชาติกล่าวว่าต้องไปดูรายละเอียดของนโยบายก่อน หากกำหนดราคาให้ 20 บาทตลอดสายจริง รัฐบาลเองจะต้องนำเงินมาชำระหนี้ เพราะจนถึงปี 2572 ยังติดปัญหาเรื่องสัมปทานอยู่ เอกชนจึงมีสิทธิ์เก็บค่าโดยสารตามที่ต้องการ ฉะนั้นต้องรอให้ผ่านปี 2572 ก่อน รัฐบาลจึงจะสามารถจัดเก็บเงินและกำหนดค่าโดยสารเองได้
ชัชชาติกล่าวต่อว่า การเก็บราคาค่าโดยสารที่ 20 บาทตลอดสายคาดว่าจะไม่คุ้มค่า เพราะมีค่าใช้จ่ายอยู่จำนวนมาก จึงควรเก็บในราคา 33 บาทถึงจะเหมาะสม ถ้าหากเก็บค่าโดยสารไม่ถึงเกณฑ์ที่เหมาะสมก็จะขาดทุน
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมพวกรวม 12 คน ในคดีที่ BTSC เดินรถไฟสายสีเขียวในปี 2555 เข้าข่ายผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ฮั้วประมูล ชัชชาติกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีคำสั่งจากศาล ต้องรออัยการสูงสุดว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ ส่วนตัวมองว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจะมีรายละเอียดอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าเพื่อให้การดำเนินงานรถไฟฟ้าสายสีเขียวเดินหน้าต่อไปได้ กทม. ต้องการใช้อำนาจคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ให้มีมติยกเลิกคำสั่งมาตรา 44 เพื่อโอนสายสีเขียวกลับคืนรัฐ เพราะเป็นตัวต้นเรื่องหรือไม่ ชัชชาติกล่าวว่า ต้องแล้วแต่ทางรัฐบาล เพราะมาตรา 44 กำหนดไว้ว่ารัฐบาลจะต้องเป็นผู้ต่อสัญญาเอง หากไม่สำเร็จให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินการแทน เรื่องจึงค้างอยู่ที่ ครม.