×

ถอดบทเรียนโลกการทำงานจาก The Face Thailand Season 4 All Stars EP.9

15.04.2018
  • LOADING...

The Face Thailand Season 4 All Stars สัปดาห์นี้กลับมาพร้อมโจทย์การถ่ายแฟชั่นวิดีโอที่ต้องรวมหลายทักษะเข้าด้วยกันทั้งการถ่ายโฆษณา การเดินแบบ การพรีเซนต์สินค้า การแสดง การทำงานเป็นกลุ่ม การทำงานแข่งกับเวลา ฯลฯ ความท้าทายอยู่ตรงที่การถ่ายแบบลองเทกซึ่งถ้าผิดนิดเดียวแปลว่าเทกนั้นใช้ไม่ได้เลย ต้องเริ่มต้นใหม่หมด จบเกม!  

 

สนุกกับโจทย์ที่ท้าทายผสมด้วยดราม่าท้ายรายการที่อะไรจะเล่นใหญ่ปานนั้น เรากลับมาทบทวนดีกว่าว่าสัปดาห์นี้มีบทเรียนอะไรให้เราเอาไปใช้กับการทำงานได้

 

ติดตามดูรายการ The Face Thailand Season 4 All Stars EP.9 ย้อนหลังได้ที่ tv.line.me

 

*บทความมีการสปอยล์เนื้อหาของรายการ

 

 

แพ้บ้างก็ได้

เมนเทอร์เกดเป็นเมนเทอร์ที่มีประสบการณ์ทั้งในรายการและนอกรายการมากที่สุด เป็นเมนเทอร์มาแล้วถ้ารวมกับ The Face Men Thailand ก็นับได้ 5 ซีซัน แต่แข่งมาจนตอนนี้เมนเทอร์เกดยังไม่ชนะสักครั้ง ยิ่งในสัปดาห์นี้ต้องเรียกว่าเป็นฝันร้ายของเมนเทอร์เกดเลยทีเดียว เพราะทั้งตีโจทย์ผิด (ชนิดที่ผิดไปมาก) ไอเดียที่ตั้งใจคิดว่าจะปังก็ดันแป้กอย่างรุนแรง แถมยังบริหารเวลาไม่ทันถ่ายครบ 3 เทก โดยภาพรวมถือว่าเป็นอีพีที่ผิดฟอร์มมากสำหรับเมนเทอร์เกด ชนิดที่ไม่ต้องลุ้นว่าแข่งแล้วจะชนะไหม (แต่เรื่องฝีปากการจิกกัดและความกวนยังทำได้มาตรฐานเหมือนเดิม) ความผิดพลาดในครั้งนี้ทำให้เมนเทอร์เกดยอมรับผิดกับลูกทีม และเปรยว่าหรือนี่จะเป็นซีซันสุดท้ายแล้วที่จะทำหน้าที่เมนเทอร์ (ซึ่งเราภาวนาว่าขอให้เมนเทอร์เกดอย่าเพิ่งถอดใจเลย)

 

เป็นธรรมดาที่คนเก่งและมีผลงานอยู่ในระดับดีมากมาตลอดจะรู้สึกผิดหวังมากเมื่อตัวเองผลงานออกมาไม่ดีเสียที เพราะยิ่งเก่งมาก ยิ่งผลงานดีมาตลอด ก็จะมีความคาดหวังจากทั้งตัวเองและคนรอบข้างกดอยู่บนบ่าตามมาด้วย

 

เราจะประสบความสำเร็จมากี่ครั้งก็ตามแต่เราต้องพยายามวางความสำเร็จครั้งเก่าไว้ข้างหลังทุกครั้ง เพราะเมื่อไรก็ตามที่เรายึดติดกับความสำเร็จครั้งก่อน เราจะกดดันตัวเองจนเกร็ง จากที่ควรจะทำได้ดีก็ทำได้ไม่ดี ที่สำคัญคือ มันทำให้เรายึดติดกับการชนะอย่างเดียวจนเราแพ้ไม่เป็นหรือรับกับความผิดหวังไม่ได้ ซึ่งการที่เรารับความแพ้ไม่ได้นี่แหละที่ทำให้เราพ่ายแพ้ยับเยิน  

 

การรับมือกับความผิดหวังเป็นทักษะในการเอาชีวิตรอดที่สำคัญมาก การแพ้ไม่ใช่เรื่องไม่ดี เพราะมันทำให้เข้าใจชีวิตว่า เราไม่สามารถได้ทุกอย่างที่หวังได้ตลอด คนเราต้องเจอกับความผิดหวัง มันต้องมีวันที่ไม่ใช่วันของเราจริงๆ ต้องมีบ้างที่เราผิดพลาด ต่อให้เราเก่ง เราก็ต้องเข้าใจว่าในโลกนี้มีคนเก่งกว่าเราอยู่ เราไม่ได้เป็นเบอร์หนึ่งตลอดเวลา การแพ้ทำให้เราตื่น ทำให้เราไม่เหลิงและทะนงตนว่าเราแน่อยู่ตลอดเวลา

 

 

บางทีการแพ้ทำให้เราได้เห็นโลกในมุมที่เปลี่ยนไปเหมือนกัน คนเป็นเด็กหน้าห้องมาตลอดอาจจะไม่เข้าใจว่าเด็กหลังห้องรู้สึกอย่างไร เด็กที่เรียนได้ท็อปมาตลอดอาจจะไม่เข้าใจความรู้สึกของการอยู่เป็นอันดับท้ายๆ ว่าเป็นอย่างไร การที่เราแพ้บ้างทำให้เข้าใจชีวิตมากขึ้น และช่วยให้เราลดอีโก้ที่ค้ำคออยู่ ขออย่างเดียวว่าอย่าให้การแพ้มาทำให้มันพังไปตลอด เราถึงต้องแพ้ให้เป็น

 

คนที่ใช้ชีวิตได้เป็นไม่ใช่คนที่ชนะอยู่ตลอด แต่เป็นคนที่เข้าใจ ยอมรับ และปล่อยวางกับสิ่งที่เรากำลังเผชิญในชีวิตได้ เมื่อสมหวังก็ดีใจ ภูมิใจ เก็บเป็นกำลังใจ กลับมาคิดว่าอะไรทำให้เราทำแล้วได้ผลอย่างที่หวังไว้บ้างจนถอดบทเรียนออกมาได้ เสร็จแล้วก็ดึงตัวเองกลับมาไม่ให้เหลิง วันนี้เป็นวันของเราแต่วันต่อไปอาจจะไม่ได้เป็นแบบนี้ตลอด เริ่มต้นใหม่ ลุยใหม่

 

เช่นเดียวกัน เมื่อผิดหวังก็เสียใจ กลับมาทบทวนว่าอะไรที่เราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ เสร็จแล้วก็ดึงตัวเองกลับมาไม่ให้จมอยู่กับความผิดหวัง มองเห็นความไม่แน่นอนของชีวิต วันนี้ไม่ใช่วันของเราแต่ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่มีวันของเราสักที เริ่มต้นใหม่ ลุยใหม่

 

ทำแบบนี้วนไปเรื่อยๆ ชนะก็อย่าเหลิงนาน แพ้ก็อย่าล้มนาน ดึงตัวเองกลับมาให้อยู่ในสมดุลได้ตลอด เราจะอยู่ได้แบบไม่ต้องทุกข์กับตัวเองมาก

 

เหตุผลนี้ล่ะมั้งครับที่ทำให้ผมชอบดูบรรยากาศหลังออกมาจากห้องดำ ผมชอบดูว่าเมนเทอร์แต่ละคนรับมือกับการที่ลูกทีมถูกตัดออกอย่างไร เขารับมือกับความผิดหวังอย่างไร เราจะได้เห็นทั้งการที่ยอมรับผลกันได้ง่ายๆ ไปจนถึงทิ้งระเบิดดราม่าลูกใหญ่ตูม! ใส่เมนเทอร์ที่ชนะเสียเลย

 

ดูแล้วลองกลับมาถามตัวเองว่าเป็นเราเราจะรับมือกับความผิดหวังได้แบบไหน เป็นแบบฝึกหัดให้ตัวเอง ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์มากนะครับ

 

     

ดูถูกมาเลย เดี๋ยวจะทำให้ดูว่าพวกเธอดูผิด!

เมนเทอร์พลอยเป็นเมนเทอร์ที่ถูกปรามาสมาตลอดว่า สอนลูกทีมไม่เป็น ไม่เคยพาทีมชนะสักที บางเสียงบอกว่าเธอเป็นเมนเทอร์ที่อ่อนที่สุดในรายการด้วยซ้ำ กลายเป็นว่าเมนเทอร์พลอยเอาคำปรามาสเหล่านี้มาเป็นพลังฮึดสู้ และทำผลงานออกมาให้ดีให้คนเลิกดูถูกซะ สุดท้ายเป็นทีมพลอยที่ทำผลงานออกมาได้ดีที่สุดและชนะไปอย่างไม่มีข้อกังขา เพราะแม้แต่คู่แข่งก็ยังยอมรับว่าทีมพลอยทำได้ดีจริงๆ แบบที่ยังไม่ต้องรอให้กรรมการตัดสินก็รู้ผลแล้ว

 

เวลาที่คนบอกว่าเราห่วย มันมีวิธีคิดอยู่สองแบบคือ ยอมรับว่าเราห่วยแล้วก็บอกตัวเองว่าก็เราห่วยจริงๆ คงแก้ไม่ได้หรอก ซึ่งบางทีเราอาจจะไม่ห่วยขนาดนั้นแต่เราน้อมรับเอาคำว่าห่วยมาเป็นโลโก้ประจำตัวเราเรียบร้อยแล้ว พอเราเชื่อว่าเราห่วยจริงๆ เราก็จะไม่พยายามตะกายตัวเองขึ้นมา เพราะคิดว่าก็เราห่วยจริง มันเลยทำให้เราห่วยไปโดยปริยาย กับอีกแบบคือสำรวจว่าตัวเราห่วยจริงอย่างที่เขาว่าไหม ซึ่งถ้าเราไม่ตัดสินด้วยอารมณ์ จะพบว่าต่อให้ไม่มีใครบอกว่าห่วย เราก็มีจุดที่ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าจะมีคนชี้ว่าเราไม่ดีตรงนั้นตรงนี้ มันเป็นเรื่องธรรมดามาก ถ้าสิ่งที่เขาพูดนั้นเรากรองแล้วพอจะเห็นประโยชน์ว่าเราจะพัฒนาตัวเองได้ไม่ให้ห่วยอย่างที่เขาบอก เราก็เอาคำพูดเขามาปรับปรุงตัวเรา ไม่ต้องไปโกรธที่เขามาดูถูกว่าเราห่วย

 

วิธีที่จะปิดปากคนที่ดูถูกเราได้คือทำผลงานดีๆ ออกมา อยากพูดอะไรก็พูดไป ดูถูกกันมาได้เลยเต็มที่ นั่นเป็นเรื่องของเขา เรื่องของเราคือประคองสติไม่ให้ไหลไปตามคำดูถูกเหล่านั้น ทำผลงานให้ดี ทุ่มเทกับมันมากขึ้น เคยพยายามแล้วยิ่งต้องพยายามขึ้น แล้วให้ผลงานเป็นตัวพิสูจน์ให้คนที่เคยดูถูกเราเขารู้ว่าเขาดูผิด เงียบซะ!

 


 

มองในมุมนี้จะเห็นว่า ใครจะพูดอะไรเราไปห้ามเขาไม่ได้ ต้องปล่อย แต่เราจัดการกับตัวเองได้ จัดการได้ตั้งแต่การกรองคำพูดของเขามาคิดว่ามันมีประโยชน์กับเราไหม จัดการประคองสติไม่ให้เสียพลังไปกับคำดูถูก จัดการเอาสิ่งที่เรายังบกพร่องอยู่มาพัฒนา จัดการตั้งใจทำงานให้ผลงานเป็นตัวพิสูจน์ ทั้งหมดนี้เราไม่จำเป็นต้องตอบโต้คนดูถูกด้วยคำพูดเลย เพราะคำพูดเราจะไม่มีน้ำหนักเลย แต่ผลงานของเรานี่แหละครับที่มีน้ำหนักมากที่สุด

 

คนจริงไม่ต้องพูดมากครับ ทำผลงานดีๆ ออกมาให้เห็น อยากดูถูกก็เชิญ เดี๋ยวคอยดูผลงานของเรา จะเอาให้หน้าหงายไปเลย!

 

เมนเทอร์พลอยคนจริงไหมก็ดูเอาจากที่ตัดลูกทีมออกสองทีมพร้อมกันในทีเดียวนี่แหละครับ เด็ดจริง!

 

 

ไม่ถูกใจ แต่อย่าไปฟูมฟาย

โมเมนต์น่าประทับใจที่สุดของสัปดาห์นี้คือการที่โจเซฟซึ่งชนะมาสเตอร์คลาสและได้สิทธิ์เซฟโซนอยู่แล้วยอมสละสิทธิ์ทิ้งเซฟโซนเพื่อให้เมนเทอร์บีเลือกเขาเข้าไปในห้องดำแทนสกายและเทีย เราได้เห็นความรักเพื่อนและความเสียสละของโจเซฟที่น่าชื่นชมมาก คนนี้โคตรใจเลย ทั้งที่อยู่ในจุดที่ปลอดภัยแล้วแต่ก็ยังยอมเสี่ยง ซึ่งเมนเทอร์บีก็เลือกเขาให้เข้าห้องดำจริงๆ แม้ว่าสุดท้ายเมนเทอร์พลอยและเมนเทอร์ซอนย่าจะตัดสินใจตัดโจเซฟออกด้วยเหตุผลว่า โจเซฟเคยพูดหักหน้าเมนเทอร์ซอนย่าไว้ตอนคัดเลือกทีมจนเมนเทอร์ซอนย่าบอกไว้แล้วว่าถ้าโจเซฟเข้ามาห้องดำเมื่อไรจะถูกตัดเมื่อนั้น และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ โดยเมนเทอร์ซอนย่าให้เหตุผลว่า เป็นการให้บทเรียนกับโจเซฟให้ระวังคำพูด โจเซฟเลยต้องออกจากการแข่งขันไปพร้อมกับเติร์ด ทั้งที่โจเซฟเป็นคนหนึ่งที่ตั้งใจมาตลอด

 

ทันทีที่ผลการตัดสินออกมาแบบนี้ ดราม่าเอยก็จงบังเกิดขึ้นทันทีกับเมนเทอร์ซอนย่าและเมนเทอร์พลอยที่โดนถล่มไอจีเละเทะ ไหนจะเฟซบุ๊กของรายการก็โดนคนดูถล่มเช่นกัน

 

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมว่าก็ช่วยให้เราฝึกที่จะปล่อยวางได้ เพราะกติกาก็คือกติกา กติกาบอกว่าเมนเทอร์ที่ชนะมีสิทธิ์จะตัดลูกทีมที่แพ้ได้สองคน จะตัดคนเดียวก็ได้ สองคนก็ได้ หรือไม่ตัดใครเลยก็ได้ เมื่อกติกาเป็นแบบนี้เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเมนเทอร์ที่ชนะ เพราะเขาไม่ได้ทำผิดกติกา เมนเทอร์ที่แพ้ก็มีสิทธิ์เลือกแล้วว่าจะส่งลูกทีมคนไหน ทุกคนมีสิทธิ์เลือกในกรอบที่กติกากำหนด บางอย่างอาจจะไม่ถูกใจเราเสียทีเดียว แต่เราต้องเข้าใจ เสียใจได้แต่ไม่ต้องฟูมฟายกับมันจนไปทำร้ายคนอื่นต่อ

 

ตอนนี้ด่าเมนเทอร์ไป โจเซฟก็ไม่ได้กลับเข้ามาในการแข่งขันอยู่ดี เขาอัดรายการกันไปจนจะจบแล้ว ถ้ารักกันจริงผมคิดว่าไปให้กำลังใจโจเซฟดีกว่า แบบนี้ไม่ทำร้ายใครด้วย แถมยังช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น ดีกับทุกคนหมด โจเซฟเองถึงจะไม่ได้ไปต่อก็จะได้รู้ว่ามีคนรัก มีคนอยากเห็นผลงานอยู่

 

ไม่มีอะไรที่จะถูกใจเราไปได้ตลอดเวลา ชีวิตมันเป็นแบบนี้ โลกไม่ใช่ของเราคนเดียว จะให้เป็นไปตามที่เราอยากให้เป็นทุกอย่างคงไม่ได้ อย่าไปฟูมฟายกับอะไรที่ผ่านมาแล้วให้มากมาย มันเสียพลังงาน เอาพลังงานเราไปทำอย่างอื่นที่ช่วยให้ชีวิตพวกเราดีขึ้นดีกว่า

 

เราจะได้เรียนรู้อะไรจาก The Face Thailand Season 4 All Stars ที่เอาไปใช้กับการทำงานของเราได้อีก ติดตามได้ที่ THE STANDARD กับท้อฟฟี่ แบรดชอว์ครับ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising