วันนี้ (6 กันยายน) ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไชยา พรหมา และ อนุชา นาคาศัย ถือฤกษ์เวลา 08.19 น. เข้าปฏิบัติหน้าที่และเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ประกอบด้วย สักการะพระภูมิชัยมงคล ท้าวเวสสุวรรณ ศาลตายาย พระพิรุณทรงนาคทั้งด้านหน้าอาคารกระทรวงและในอาคารเพื่อความสิริมงคลก่อนปฏิบัติหน้าที่ โดยมี ประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวง คณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ พร้อมร่วมถ่ายภาพหมู่กับอธิบดีและผู้บริหารระดับสูงประจำกระทรวง บริเวณหน้ากระทรวง
จากนั้น ร.อ. ธรรมนัสให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง โดยสื่อมวลชนได้สอบถามถึงการใส่เนกไทสีเขียว ซึ่งเป็นสีประจำกระทรวง ร.อ. ธรรมนัสหัวเราะและจับที่เนกไท พร้อมระบุว่า วันนี้เป็นวันพุธ และเป็นสีที่ชอบ ปกติเป็นคนใส่เนกไทตามสีวัน
ส่วนแนวทางการทำงานในวันนี้ช่วงบ่าย ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดหารือเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขให้กับเกษตรกร ทั้งเรื่องปัญหาภัยแล้ง การเปลี่ยนแปลงจากสภาพอากาศเอลนีโญ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ฝนตกลงมาแต่ไม่สามารถที่จะกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตรได้ เช่น พื้นที่ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และในวันที่ 8-9 กันยายนนี้ ตนจะลงพื้นที่ร่วมกับ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย
ร.อ. ธรรมนัสกล่าวต่อว่า สถานการณ์ภัยแล้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือถือว่าสาหัสมาก ต้องวางแผนการทำงานให้ครอบคลุมตั้งแต่ปีนี้และปีถัดไป ซึ่งมองว่าตอนนี้เกษตรกรขาดน้ำในการทำนาและการทำการเกษตรในหลายพื้นที่ และยังมีมาตรการเร่งด่วนในส่วนของการทำประมง รวมไปถึงการปราบปรามด้านปศุสัตว์ เช่น การนำเข้าหมูเถื่อนและเนื้อวัวผิดกฎหมาย พร้อมย้ำว่าถ้าตนเองได้ปราบปรามภายใน 1-2 เดือนต้องเห็นผล เนื่องจากมีรัฐมนตรีช่วยคอยบูรณาการ
ส่วนสถานการณ์น้ำที่ใช้ในการทำเกษตรกรรม ขณะนี้ได้รับรายงานว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งแก้ไข เช่นเดียวกับปัญหาราคามังคุดใต้ หลังจากที่ตนได้ลงพื้นที่ไปจังหวัดนครศรีธรรมราช ยอมรับว่าเป็นช่วงปลายฤดูกาล ซึ่งได้วางนโยบายเร่งระบายออก โดยล่าสุดพบว่าสถานการณ์ราคาพืชผลเริ่มคลี่คลาย แต่ได้กำชับให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ วางแนวทางระยะยาว
โดยเฉพาะต้องนำเกษตรรายย่อยมารวมกลุ่ม นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องของแก้ไขปัญหาหนี้เกษตรกร ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีกำชับและจะแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 11 กันยายน 2566 โดยเฉพาะเรื่องของการพักหนี้เกษตร ที่เป็นหนึ่งในนโยบาย ส่วนจะช่วยพักชำระหนี้แบบไหนต้องรอนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวมองว่าการพักหนี้ของเกษตรกรเป็นเรื่องละเอียดละอ่อนที่จะต้องไปศึกษาทำความเข้าใจและยืนยันว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน
ร.อ. ธรรมนัสได้ฝากไปถึงเกษตรกรทั้งประเทศว่า ตนเองและรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ทั้งสองคนมาจากเด็กบ้านนอก เราตั้งใจที่จะยกคุณภาพชีวิตช่วยเหลือเกษตรไทยในยุคของตนให้มีความอยู่ดีกินดีแบบยั่งยืน
นอกจากนี้ ร.อ. ธรรมนัสในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ยังเปิดเผยถึงความคืบหน้าการเสนอรายชื่อ ไผ่ ลิกค์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ย้ำว่าทางพรรคยังคงเสนอชื่อ ไผ่ ลิกค์ เป็น รมช.พาณิชย์ ตามเดิม ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ในการตรวจสอบคุณสมบัติ โดยตนมั่นใจว่าไม่ขาดคุณสมบัติ