ได้ข้อสรุปแล้ว สำหรับแนวทางใช้จ่ายของรัฐบาลญี่ปุ่นจากเงินค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากพลเมืองญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่เดินทางออกนอกประเทศด้วยเครื่องบินและเรือ โดยสภาไดเอทแห่งชาติญี่ปุ่นได้ลงมติเห็นชอบในร่างกฎหมายจัดสรรเงินรายได้ส่วนนี้ไปลงทุนกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกเกมที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพในปี 2020
เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มกราคมปีหน้าเป็นต้นไป นักท่องเที่ยวหรือนักเดินทางทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่เดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่นด้วยเครื่องบินหรือเรือจะต้องชำระภาษีขาออก (Departure Tax) เป็นเงินจำนวน 1,000 เยน (ประมาณ 290 บาท) แต่มีข้อยกเว้นสำหรับเด็กอายุไม่ถึง 2 ขวบ รวมถึงผู้โดยสารเครื่องบินที่แวะจอดพักหรือรอเปลี่ยนเครื่อง และอยู่ในญี่ปุ่นไม่ถึง 24 ชั่วโมง
งบพิเศษอัดฉีดระบบเศรษฐกิจ?
ที่ผ่านมา รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ พยายามมองหามาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้นโยบาย ‘อาเบะโนมิกส์’ ก่อนจะเล็งเห็นโอกาสและปิ๊งไอเดียนี้ หลังพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าเพิ่มขึ้น 6 ปีติดต่อกัน โดยในปีที่แล้วญี่ปุ่นสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากถึง 28.69 ล้านคน พุ่งขึ้นจากปี 2016 ถึง 19.3% ขณะที่รัฐบาลตั้งเป้าว่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้ได้ถึง 40 ล้านคนภายในปี 2020 ซึ่งเป็นปีที่กรุงโตเกียวรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพการแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิกเกม โดยมีการประมาณการว่านักท่องเที่ยวตลอดปี 2020 จะมียอดการใช้จ่ายรวมกันประมาณ 8 ล้านล้านเยน ส่วนเป้าหมายระยะยาวคือการดึงดูดชาวต่างชาติให้มาเยือนถึง 60 ล้านคนภายในปี 2030
ข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมแดนอาทิตย์อุทัยระบุว่า ในปี 2017 มีผู้เดินทางออกจากญี่ปุ่นจำนวนทั้งสิ้น 45.2 ล้านคน ซึ่งหมายความว่าหากเก็บภาษีขาออกจะช่วยให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นราว 4.5 หมื่นล้านเยนต่อปี
สำหรับวิธีการใช้จ่ายเงินจาก Departure Tax ที่รัฐเรียกเก็บนั้น รัฐบาลวางเป้าหมายไว้ว่าจะนำเงินส่วนนี้ไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว รวมถึงนำไปลงทุนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในเขตชนบท และสนับสนุนแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นทั่วโลก
นอกจากนี้รัฐบาลยังมีแผนขอให้ผู้ให้บริการขนส่งมวลชนขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สาย เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเข้าถึงบริการ wi-fi ฟรีได้เพิ่มขึ้น
รัฐบาลระบุว่างบลงทุนพิเศษนี้จะมอบผลลัพธ์ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินกับทริปมากขึ้น เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลการท่องเที่ยว รวมทั้งการจัดหาทรัพยากรต่างๆ สำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมและดื่มด่ำกับธรรมชาติของญี่ปุ่นในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
Departure Tax ไม่ใช่เรื่องใหม่
ในหลายประเทศมีการเก็บค่าธรรมเนียมกับผู้ที่เดินทางออกนอกประเทศมาก่อนแล้ว เช่น ออสเตรเลียเรียกเก็บ Departure Tax ในอัตรา 60 เหรียญออสเตรเลีย (ประมาณ 1,450 บาท) ขณะที่เกาหลีใต้จัดเก็บกับผู้โดยสารเครื่องบินที่อัตรา 10,000 วอน (ประมาณ 290 บาท) ส่วนสหรัฐอเมริกาจะเก็บค่าธรรมเนียม 14 เหรียญสหรัฐ (ราว 436 บาท) กับนักเดินทางต่างชาติที่มาจากประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า
เสียงวิจารณ์จากผู้ไม่เห็นด้วย
อย่างไรก็ตาม มีผู้วิจารณ์ว่ามาตรการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบด้านลบ เพราะจะทำให้นักท่องเที่ยวบางส่วนที่ใส่ใจเรื่องความประหยัดเกิดความลังเล
นอกจากนี้ยังมีคนวิตกว่าการจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงที่เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกอาจเพิ่มภาระหนี้สินให้กับรัฐบาลญี่ปุ่นมากขึ้นไปอีก หลังจากที่ประสบปัญหาด้านการคลังมากพออยู่แล้ว
ส่วนชาวญี่ปุ่นบางคนเกิดความกังวลว่ารัฐอาจนำเงินรายได้จาก Departure Tax ไปใช้ในจุดประสงค์อื่นที่ไม่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ขณะที่บางคนมองไม่เห็นประโยชน์ที่ได้รับจากภาษีประเภทนี้ เพราะแรกเริ่มถูกออกแบบมาเพื่อนำไปปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า
อ้างอิง: