วันนี้ (30 สิงหาคม) ที่รัฐสภา อดิศร เพียงเกษ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงที่ประชุม สส. พรรคเพื่อไทยวานนี้ (29 สิงหาคม) ว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้แสดงเจตจำนงขอลาออกจากหัวหน้าพรรค ตามที่ได้ลั่นวาจาไว้หลายครั้งว่าจะลาออก หากมีการร่วมรัฐบาลกับ 2 คน แต่ไม่ใช่การลาออกจากการเป็น สส. เพราะ สส. เขต มีความสำคัญ ไม่เหมือนตนที่เป็น สส. บัญชีรายชื่อแล้วขาลอย ดังนั้นหากหัวหน้าพรรคลาออกก็จะทำให้คณะกรรมการบริหารพรรคหลุดไปทั้งหมด และต้องมีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคภายใน 60 วัน
“ตนจึงคิดถึงความหลัง ตั้งแต่ท่านเป็นนกแลเมื่อปี 2544 ยุคไทยรักไทย เป็นคุณหมอและผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นคนหนุ่มที่มีอนาคต ทราบข่าวว่าจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขก็เลยอาลัยอาวรณ์กันอยู่พอสมควร ใจจริงก็อยากให้ท่านคืนมาเป็นหัวหน้าพรรค เพราะท่านเหน็ดเหนื่อยมามาก” อดิศรกล่าว
อดิศรกล่าวต่อว่า จะพูดถึงแคนดิเดตที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไปก็ยังเร็วเกินไป ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีแคนดิเดต เพราะคนที่สำคัญตามข่าวก็ไปเป็นรัฐมนตรีกันหมด ก็เหลือแต่ผมเนี่ยแหละ ล้อเล่นนะ ใครก็ได้ เช่น คนที่เคยเป็นรัฐมนตรีคลัง หรือต้องเป็นบุคคลที่เป็นที่ยำเกรงและเป็นที่เคารพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กิตติรัตน์ ณ ระนอง ก็ได้ ในมุมมองของตนมองว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินมา นพดล ปัทมะ ก็ได้
เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเป็น แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย อดิศรกล่าวว่า ตนก็ไม่สามารถบอกได้ ท่านอยู่ในสถานะที่สนับสนุนพรรค และเป็นที่เกรงใจของสมาชิกพรรคทุกคน ตนคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่
ส่วนที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเคยระบุว่าจะให้อุ๊งอิ๊งดูแลพรรค และให้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศนั้น ส่วนนี้ตนไม่ทราบ เพียงแต่เสียดาย นพ.ชลน่าน ในภาวะศึกสงครามการหาเสียงและการจัดตั้งรัฐบาล ถ้าเป็นร่างกายก็พรุน เดินมาถึงตรงนี้ได้ถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่ง และยืนยันว่าไม่ใช่การลาออกแล้วกลับมาเป็นใหม่
ส่วนตัวไม่ได้มองว่าการลาออกของ นพ.ชลน่าน จะเป็นการลดแรงเสียดทาน เพราะแฟนคลับก็วิพากษ์วิจารณ์เป็นประจำอยู่แล้ว เปรียบเหมือนถ้าวันไหนไม่มีรถวิ่งสวนกันก็ไม่ดี Two-Way Communication เป็นเรื่องธรรมดา เป็นสีสันของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งจะแตกต่างกับระบอบเผด็จการ ว่ากันบ้าง หยิกกันบ้าง ซึ่งอีกหน่อยก็แถลงนโยบายในวันที่ 8-9 กันยายนนี้ และจะได้ขับเคลื่อนบริหารประเทศต่อไป คงจะมีปัญหาแต่ผู้นำฝ่ายค้านที่ไม่มีใครรับเลย
เมื่อถามถึงการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการลาออกของ นพ.ชลน่าน มาตรฐานจะต่ำกว่าตอนที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจากหัวหน้าพรรคและ สส. ของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ อดิศรกล่าวว่า ไม่กล้าอาจเอื้อมไปถึงขั้นอภิสิทธิ์ เพราะพรรคท่านก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นหัวเป็นหาง ขอให้ไปจัดการของท่านเองก็แล้วกัน และยืนยันว่าเพื่อไทยไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งตนก็พยายามห้าม นพ.ชลน่าน เพราะหลายคนก็ทำแบบนี้ ถ้าท่านทำอย่างนี้พวกผมก็ต้องออกกันหมด แต่ท่านยืนยันว่าถ้าท่านไม่ทำก็กลับบ้านลำบาก
เมื่อถามถึงกรณีที่อดิศรเคยพูดว่าจะไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ อดิศรกล่าวว่า ตนขอยืนยันมีความคิดอยากรับผิดชอบคำพูด แต่ตอนนี้ถูกวางตัวให้เป็นประธานวิปรัฐบาล และยืนยันว่าตนเป็นคนที่ชอบสภา จึงขออนุญาตอยู่ทำหน้าที่เป็นประธานวิป ตำแหน่งนี้เทียบเท่ารองนายกรัฐมนตรีเลย
สำหรับหน้าที่ของประธานวิปต้องรับผิดชอบไม่ให้การประชุมล่มนั้น ส่วนตัวยอมรับว่าสิ่งที่ยากที่สุดของ สส. คือการเข้าประชุม เป็นมาทุกยุคทุกสมัย เพราะทุกคนธุระเยอะ บางคนก็ตีกอล์ฟ บางคนมีนัด
เมื่อถามถึงการวิจารณ์หน้าตาคณะรัฐมนตรีที่ใช้คนไม่ถูกกับงานนั้น อดิศรกล่าวว่า ในวันแถลงนโยบายน่าจะสนุก เป็นสีสันที่แสดงให้เห็นว่าพรรคการเมืองมีภาระ มีจังหวะที่ขึ้นและลงของแต่ละคน บางคน 9 สมัย 10 สมัยแล้ว ถึงจังหวะที่จะได้เป็นแล้วไม่ได้เป็น
ส่วนกระแสข่าวเรื่องของการตรวจคุณสมบัติของรัฐมนตรีไม่ผ่าน เช่น พิชิต ชื่นบาน ที่มีเรื่องของกรณีถุงขนม 2 ล้านบาทนั้น อดิศรชี้แจงว่า เขาไม่ได้ทำความผิด และพ้นระยะเวลามาแล้ว เป็นเรื่องของการละเมิดอำนาจศาลอัยการก็ไม่สั่งฟ้อง เรื่องนี้คนอาจจะไม่เข้าใจ