วันนี้ (25 สิงหาคม) วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีที่ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยทยอยขนของออกจากห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรีที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ว่า “ไปสิครับ ไปแน่นอน แต่ขนยังไม่หมด ต้องขนอีกหลายรอบ”
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะทำอะไร วิษณุบอกว่า 1. อยู่บ้านพักผ่อน 2. เล่นกับหลานด้วยความสุขมาก 3. เขียนหนังสือ สอนหนังสือ และ 4. อาจเข้าไปเป็นประธานกรรมการบริษัทต่างๆ เพื่อจะมีรายได้ และขณะนี้ก็ยังมีตำแหน่งในสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานราชบัณฑิตยสภาอยู่
เมื่อถามว่า งานทางการเมืองจบแล้วหรือยัง วิษณุระบุทันทีว่า “ไม่มี ไม่มีอะไรทำ จบแล้ว แต่ส่วนตัวก็คิดแบบนี้ตั้งปี 2549 แต่อีก 8 ปีถัดมาก็มีเหตุให้ผมกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่มีเหตุให้กลับมาแล้ว เพราะตนเองมีปัญหาสุขภาพแทรกเข้ามาด้วย ใครมาชวนที่ไหนผมจะเปิดท้องที่ต้องรักษาอาการป่วยจากการฟอกไตให้ดูทันที”
ส่วนหลังจากที่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาแล้วจัดส่งมอบงานด้านกฎหมายให้หรือไม่นั้น วิษณุกล่าวว่า “ไม่มี แล้วผมจะส่งมอบให้ใคร แถลงนโยบายเสร็จก็จะต้องประชุม ครม.ชุดใหม่ ซึ่งตอนนั้นตนเองก็จะพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว โดยการประชุม ครม. ก็จะเป็นการแบ่งงาน ตอนนั้นก็คงไม่ได้อยู่มอบแล้ว ไม่มีอะไรจะมอบแล้ว หลังจากนี้รองนายกรัฐมนตรีใหม่ก็มาดูสถานที่ทำงาน เลือกเอาแล้วกันว่าจะเอาห้องไหน ส่วนรถหลวงจะส่งมอบให้ในวันสุดท้ายหลังหมดวาระ ตอนนี้ยังไม่หมดวาระจึงขอใช้รถหลวงก่อน”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ครั้งนี้จะเป็นการปิดประตูทางการเมืองเลยหรือไม่ วิษณุกล่าวว่า “ใช่ครับ คุณจะเอาผมไปสาบานที่ไหน เดี๋ยวผมเปิดท้องโชว์ (ฟอกไต) เพราะที่ผ่านมาเคยมีคนมาทาบทามโดยพูดทีเล่นทีจริง ตนก็ได้ชี้แจงเรื่องสุขภาพและได้เปิดเรื่องโชว์ท้องไปแล้ว”
ทั้งนี้ วิษณุปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีคนที่มาชวนใช่เพื่อไทยหรือไม่ โดยระบุว่า เป็นผู้ที่ไม่มีอำนาจ
วิษณุยังกล่าวถึงกรณี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดห้องโดมทองให้การต้อนรับ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ว่าเป็นเหตุการณ์ที่แปลกและเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีหลายๆ คนก็พยายามจะทำแบบเดียวกัน แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะมีเหตุผลบางอย่าง เนื่องจากช่วงหาเสียงมีการแข่งกันมา แล้วพอต่างฝ่ายต่างเปลี่ยนบทบาทก็เลยเคอะเขินกันทั้ง 2 ฝั่ง
วิษณุยังกล่าวถึงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีที่ไม่นั่งควบรัฐมนตรีว่า ในส่วนของค่าตอบแทนนั้นตามหลักแล้วจะต้องยึดค่าตอบแทนตำแหน่งที่สูงที่สุด และได้รับค่าตอบแทนตำแหน่งเดียว
นอกจากนี้ วิษณุกล่าวว่า อยากให้รัฐบาลชุดใหม่เร่งผลักดัน พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติที่ตกไป เพราะในรัฐสภาและช่วงก่อนที่จะมีการยุบสภามีความขัดแย้งและทะเลาะกันหนัก จึงอยากให้ดำเนินการ จะต้องนับหนึ่งใหม่ รวมไปถึงการปฏิรูปการศึกษาที่มีปัญหาอยู่นั้น จึงต้องเสนอใหม่ทำใหม่ เช่น กฎหมายกัญชา และกฎหมายคู่ชีวิต ที่ตกไปทั้งหมด และ ครม.ใหม่ก็มาไม่ทันกรอบระยะเวลา 60 วันนับตั้งแต่เปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งจะครบในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ การนำร่างกฎหมายเดิมมาพิจารณาขึ้นอยู่กับรัฐบาล
เมื่อถามว่า หากมีรัฐบาลใหม่เข้ามาและรัฐบาลเก่าหมดอำนาจไป แต่ยังไม่ได้มีการแถลงนโยบายแล้วมีภัยพิบัติเกิดขึ้นนั้น วิษณุกล่าวว่า รัฐบาลรักษาการจะเป็นผู้ดำเนินการทุกอย่างแทน รัฐบาลใหม่จะสามารถดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อมีการแถลงนโยบายเรียบร้อยแล้ว เว้นแต่จะมีกรณีจำเป็นเร่งด่วน แต่ไม่สามารถแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการได้
วิษณุกล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่ารัฐบาลชุดใหม่จะแข็งแกร่งจากการรวมเสียงเดิมกว่า 250 เสียง เพราะตอนนี้ได้มากถึง 314 เสียง แต่อย่าลืมว่ามีเสียงพรรคสนับสนุนอีก 11 พรรค และได้เข้ามาเป็นรัฐบาล 6 พรรค มีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดา รวมไปถึงยังมีปมปัญหาความขัดแย้งก่อนที่จะมีการร่วมรัฐบาล แต่ถ้าก้าวข้ามขั้วกันได้จริงก็จะส่งผลดีทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ