วันนี้ (24 สิงหาคม) เดชอิศม์ ขาวทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา 2 สมัย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ 16 สส. พรรคประชาธิปัตย์ ฝ่าฝืนมติพรรค ให้ความเห็นชอบ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ว่าพรรคประชาธิปัตย์เริ่มไม่มีเอกภาพตั้งแต่การประชุมวิสามัญเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ 2 รอบ ซึ่งมีเจตนาที่จะให้องค์ประชุมล่มทั้ง 2 ครั้ง ทำให้เกิดความเสียหายต่อพรรค พี่น้อง สส. และค่าใช้จ่ายของพรรค
ซึ่งในการประชุมพรรคเพื่อพิจารณาวาระในวันที่ 22-24 สิงหาคม โดยเฉพาะหลักสำคัญคือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ประชุมแบ่งออกเป็น 3 แนวทางคือ ไม่เห็นชอบ จึงได้มีการซักถามถึงสาเหตุ ส่วนใหญ่มีการอ้างถึงความขัดแย้งในอดีต สส. ใหม่จึงอยากให้แยกหน้าที่ สส. ปัจจุบันกับความขัดแย้งในอดีตออกจากกัน มิฉะนั้นก็จะเกิดอคติตลอดไป ทำให้ผู้ใหญ่บางคนเดินออกจากห้องประชุม
ขณะที่บางส่วนเสนอให้เห็นชอบ มองว่าขณะนี้ประเทศอยู่ในทางตัน ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ประเทศจะเกิดสุญญากาศนานไม่ได้
ขณะที่บางคนบอกว่าควรงดออกเสียง ให้เหมือนกับกรณีการให้ความเห็นชอบ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ทำให้ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ลุกขึ้นพูดว่าอย่าโหวตกันเลย เพราะจริงๆ เป็นเอกสิทธิ์ของ สส. ทำให้ในการประชุมพรรควันนั้นไม่มีการโหวตมติพรรค
กระทั่งเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา สส. ประมาณ 20 คนของพรรคได้ฟังการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภา ซึ่ง สส. เกือบ 100% สามารถรับได้ เพราะมองว่าปัญหาเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งถึงการลงมติ 3 คนแรกพบว่า จุรินทร์งดออกเสียง ชวน หลีกภัย และ บัญญัติ บรรทัดฐาน ลงมติไม่เห็นชอบ ทำให้ สส. มองว่าพรรคไม่มีมติ เพราะหากมีมติจะไม่สามารถแหกออกได้ สส. จึงยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
และที่ผ่านมาเรามองว่าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลสมานฉันท์ กปปส. เคยขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, เนวิน ชิดชอบ และกลุ่มเพื่อนเนวินก็เคยเป็นงูเห่า ออกมาสนับสนุนอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี พวกเขายังสมานฉันท์กันได้ เราเป็นประชาธิปัตย์ยุคใหม่ ไม่เคยสวมเสื้อเหลือง-เสื้อแดง เราไม่ควรรับมรดกความขัดแย้งจากรุ่นเก่า สส. เห็นว่าเราควรสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยซึ่งรวมเสียงข้างมากได้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้เราจะเป็นฝ่ายค้าน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ สส. 16 คนโหวตให้เศรษฐา
พร้อมกันนี้เดชอิศม์ยังยืนยันว่า ตอนนี้เราเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว ในฐานะ สส. ประชาธิปัตย์และพรรคฝ่ายค้าน เราไม่กระเหี้ยนกระหือรือที่จะไปเป็นรัฐบาล และเราก็ไม่มีอำนาจตัดสินใจเองได้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามมติของพรรค อย่างไรก็ตาม ต้องมีหนังสือเทียบเชิญร่วมรัฐบาลจากพรรคแกนนำมาก่อน
ส่วนกรณีที่บินไปพบทักษิณ ชินวัตรที่ฮ่องกง เดชอิศม์กล่าวว่า ตนเป็น สส. รุ่นใหม่ พบปะพูดคุยได้ทุกพรรค เราแยกหน้าที่ออกจากความผูกพัน หน้าที่กับความแค้น-ความอคติในอดีต และส่วนตัวเองก็สนิทกับหัวหน้าพรรคเกือบทุกพรรค ถ้าการบินไปพบทักษิณเป็นความผิด คงต้องถูกประหารชีวิต เพราะสนิทกับหัวหน้าพรรคทุกพรรค
ส่วนที่หลายคนมองว่า สส. ทั้ง 16 คนต้องการให้พรรคมีมติขับออกจากพรรคเพื่อไปหาพรรคใหม่นั้น เดชอิศม์ระบุว่า ปกติการจะมีมติขับออกต้องเป็นการหารือร่วมกันระหว่าง สส. พรรคและกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเสียง สส. ส่วนใหญ่อยู่ฝั่งนี้หมดแล้ว ไม่รู้ใครจะขับใครออกกันแน่ แต่ส่วนตัวตอนนี้ฝ่ายเราไม่คิดจะขับใครออกจากพรรค อยากให้มีการพูดคุยเจรจา แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมาเจรจากับเราเลย ขอยืนยันว่าตนไม่อยากรับมรดกความเคียดแค้นจากอดีต อยากทำในสิ่งที่ดีๆ จริงๆ แล้วพวกเรายินดีที่จะออกจากตำแหน่ง สส. วันนี้ วันพรุ่งนี้ได้เลย หากรู้สึกว่าได้ทรยศประชาชนไม่ว่าคนใต้หรือคนทั้งประเทศ เราไม่เคยคิดทรยศ เราซื่อสัตย์ เราไม่เคยทรยศ เรามาจากการเลือกตั้ง เราทำเพื่อพี่น้องประชาชน สิ่งที่แคร์ที่สุดคือชาติและประชาชน
ส่วนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพรรค ขณะนี้จุดเริ่มต้นน่าจะเริ่มจากการประชุมวิสามัญพรรคเพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ให้ได้ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับการแข่งขัน เรายินดีให้ความร่วมมือ เมื่อปี 2562 ตนไม่ได้เลือกจุรินทร์ แต่เมื่อมติพรรคออกมา พวกตนก็ยอมรับและทำตัวเป็นลูกพรรคที่ดี ปกป้องมาตลอด ทั้งนี้มองว่าตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่แตก เพียงแต่ความเห็นไม่ตรงกัน ดังนั้นขอให้ทุกคนลดทิฐิ หันมาพูดคุยกันและพากันผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้