จากข้อมูลของ TRM Labs เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 สิงหาคม) เผยว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2023 มานี้ แฮกเกอร์เกาหลีเหนือปล้นคริปโตเคอร์เรนซีจากนักลงทุนไปแล้วรวมกว่า 200 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึง 20% ของการปล้นทั้งหมดในปีนี้
รายงานดังกล่าวยังเผยว่า การปล้นเงินผ่านไซเบอร์ (Cybercriminal) ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีมูลค่าพุ่งสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ หรือมากถึง 6 หมื่นล้านบาท
แม้ปีนี้จะมีการปล้นคริปโตค่อนข้างมาก แต่เมื่อปีที่ผ่านมาการปล้นผ่านคริปโตมีตัวเลขสูงถึง 800 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งมาจากการแฮ็กผ่าน Ronin Bridge เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2022 ไปแล้ว 625 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท
TRM Labs เปิดเผยกับสำนักข่าว Decrypt ว่าแฮ็กเกอร์เกาหลีเหนือใช้วิธีการรูปแบบมากมายเพื่อปล้นเงินจากนักลงทุน และนำเงินดังกล่าวออกไปผ่านบัญชีบนแพลตฟอร์มที่มีมาตรฐานการยืนยันตัวที่ต่ำ (KYC/AML)
ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาแฮกเกอร์มุ่งเน้นการปล้นไปที่บัญชีรายย่อย คิดเป็นมูลค่าความเสียหายราว 100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.5 พันล้านบาท ในรูปของ Bitcoin, Ethereum, Tron, XRP, Stellar, Dogecoin และ Litecoin
แต่ TRM Labs รายงานว่าเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมากลับเป็นเดือนแรกในรอบไตรมาสแรกของปี 2023 ที่มูลค่าการแฮ็กตกลง ซึ่งทางบริษัทก็ย้ำถึงความสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านไซเบอร์ ความสำคัญของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ การจำกัดปริมาณการโอนเงินในบัญชี เป็นต้น เพื่อป้องกันการแฮ็ก
อ้างอิง: