Side by Side ที่ตรงนั้นยังคิดถึง ภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่อบอวลไปด้วยความคิดถึง ผลงานจากผู้กำกับ จิฮิโระ อิโตะ หนึ่งในมือเขียนบทจาก Crying Out Love in the Center of the World (2004) ที่ได้นักแสดงมากเสน่ห์อย่าง เคนทาโร่ ซากางุจิ ที่เคยฝากผลงานเรื่องเยี่ยมมาแล้วใน The 100th Love With You (2017), The Last 10 Years (2022) ฯลฯ มารับบทนำ พร้อมด้วย อาสึกะ ไซโตะ จาก You Are the Apple of My Eye (2018), มิกาโกะ อิจิกาวะ จาก Shin Godzilla (2016), โคได อาซากะ จาก Cherry Magic! Thirty Years of Virginity Can Make You a Wizard?! (2020) และ อาเมริ อิโซมูระ
Side by Side จะพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวของ มิยามะ (เคนทาโร่ ซากางุจิ) ชายหนุ่มผู้มีความสามารถพิเศษในการสัมผัสถึง ‘จิต’ ของผู้คนที่คิดถึงใครบางคนอย่างแรงกล้า มิยามะได้เดินทางมาอาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่ห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติกับสองแม่ลูกอย่าง ชิโอริ (มิกาโกะ อิจิกาวะ) และ มิมิ (อาเมริ อิโซมูระ) ไปพร้อมกับการใช้ความสามารถของตัวเองช่วยเหลือผู้คน จนกลายเป็นที่รักของคนในเมือง
วันหนึ่งมิยามะเริ่มสัมผัสได้ถึงจิตของ คุซากะ (โคได อาซากะ) รุ่นน้องที่เฝ้าคิดถึงเขา เขาจึงตัดสินใจเดินทางไปพบกับรุ่นน้องที่ไม่ได้เจอกันนาน และนั่นก็ทำให้มิยามะได้กลับมาพบ ริโกะ (อาสึกะ ไซโตะ) อดีตแฟนสาว อีกครั้ง
หากมองจากเพียงแค่ตัวอย่าง Side by Side ดูเหมือนจะเป็นภาพยนตร์ดราม่าชวนเสียน้ำตา ทั้งงานภาพ ดนตรีประกอบ และจังหวะการตัดต่อ โดยมีจุดที่น่าสนใจคือตัวละครหลักอย่าง มิยามะ ที่มีพลังพิเศษและปมปริศนาที่รอให้เราหาคำตอบ
แต่ดูเหมือนว่าผู้กำกับและทีมสร้างจะไม่ได้พยายามนำเสนอบรรยากาศโรแมนติกหวานๆ ระหว่างตัวละครหลักหรือพยายามขยี้ประเด็นดราม่ามากนัก แต่เลือกที่จะพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวของมิยามะด้วยบรรยากาศสบายๆ เรียบง่าย สลับกับการสอดแทรกฉากที่ดูลึกลับชวนให้เราค้นหา
ยกตัวอย่างสั้นๆ ในฉากเปิดของเรื่องที่เผยภาพของมิยามะกำลังนั่งอยู่บนรถโดยสารประจำทางพร้อมกับชายผมทองปริศนาที่เดินตามเขาอย่างเงียบๆ แล้วจู่ๆ เขาก็หายตัวไป โดยมีดนตรีประกอบเข้ามาช่วยเสริมความฉงนสนเท่ห์ ซึ่งชักชวนให้เราอยากติดตามเรื่องราวต่อไปว่าชายปริศนาคนนี้คือใคร และเชื่อมโยงกับตัวละครมิยามะอย่างไรได้ดีทีเดียว
พร้อมกันนั้นภาพยนตร์ก็พาเราไปดื่มด่ำกับทิวทัศน์อันงดงามของธรรมชาติ ออกเดินเล่นบนป่าเขา ฟังเสียงของแมลง สายน้ำ สายลม และนั่งมองพระอาทิตย์ตกดิน โดยใช้ดนตรีประกอบให้น้อยที่สุด ซึ่งชวนให้เรารู้สึกผ่อนคลาย เสมือนเราได้มาพักผ่อนกายและใจไปพร้อมกับตัวละคร
ขณะเดียวกันภายใต้เรื่องราวอันแสนเรียบง่ายและกลวิธีการนำเสนอที่ทำให้เราอยากทำความรู้จักตัวละครให้มากขึ้น Side by Side ยังมาพร้อมกับประเด็นสำคัญที่ชวนให้เราร่วมขบคิดและหาคำตอบไปพร้อมกัน ผ่านแง่มุมของ ‘ความคิดถึง’ ที่อาจไม่จำเป็นต้องเป็นแง่มุมของหนุ่มสาวเสมอไป แต่ยังรวมไปถึงความคิดถึงของผู้คนที่ไม่ได้พบหน้ากันเป็นเวลานาน คิดถึงคนสำคัญที่ล่วงลับ และคิดถึงใครบางคนที่อาจกำลังคิดถึงเรา
เพราะหากมองในมุมของตัวเอง เราก็คงจะมีช่วงเวลาที่คิดถึงใครบางคน แต่บางครั้งเราเองก็อาจหลงลืมไปเช่นกันว่า ตอนนี้ก็อาจมีใครบางคนที่กำลังคิดถึงและเฝ้ารอที่จะได้เจอกับเราอีกครั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งก็เป็นได้
รวมๆ แล้ว Side by Side เป็นภาพยนตร์ดราม่าจากญี่ปุ่นที่ไม่ได้พยายามจะขยี้ประเด็นหนักๆ ของเรื่องเพื่อเรียกน้ำตาของผู้ชม แต่ค่อยๆ พาเราไปตามติดการเดินทางของตัวละครอย่างไม่เร่งรีบ ดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์ของธรรมชาติที่ถูกถ่ายทอดผ่านงานภาพอันงดงาม ขณะเดียวกันก็ไม่ได้นำเสนอประเด็นของเรื่องอย่างตรงไปตรงมา แต่เปิดพื้นที่ให้ผู้ชมได้ตั้งคำถามและร่วมหาคำตอบว่า สิ่งละอันพันละน้อยที่ผู้กำกับสอดแทรกเข้ามาระหว่างทางนั้นหมายความถึงอะไรได้บ้าง
และหากคุณไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดของภาพยนตร์ก็ไม่เป็นไร แค่ได้ลองเข้ามานั่งชมและรับฟังสรรพเสียงของธรรมชาติ เพื่อพักกายและใจไปพร้อมกับตัวละคร ก็เพียงพอแล้ว
Side by Side ที่ตรงนั้นยังคิดถึง เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่:
ภาพ: MONGKOL CINEMA