×

The Holdovers มิตรภาพ บาดแผล และคริสต์มาสที่เต็มไปด้วยแง่งามของมนุษย์

28.02.2024
  • LOADING...

บางครั้งการทำหนังสักเรื่องอาจไม่จำเป็นต้องหาประเด็นที่ยิ่งใหญ่อะไรมานำเสนอ The Holdovers ซึ่งเป็นผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับ Alexander Payne ได้ทำให้เราเห็นว่าเรื่องราวอันแสนเรียบง่ายของมนุษย์นั้นมีพลังแค่ไหน และการที่ตัวละครของเขาสามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้กับคนดูได้อย่างง่ายดายก็เป็นเพราะคนทำถ่ายทอดความรักที่มีต่อตัวละครลงไปในหนังของตัวเองอย่างจริงใจ โดยที่ตลอดทั้งเรื่องเราทุกคนก็คงจะสัมผัสได้ว่า Payne นั้นรักตัวละครของเขามากแค่ไหน และนั่นย่อมส่งผลให้คนดูรักในตัวของพวกเขาตามไปด้วย

 

 

The Holdovers ว่าด้วยเรื่องของคนสามคนซึ่งประกอบไปด้วย อาจารย์สุดโหด Paul Hunham, เด็กนักเรียนหนุ่มตัวแสบ Angus Tully และหัวหน้าแม่ครัว Mary Lamb ที่ต้องติดอยู่ในโรงเรียนประจำช่วงคริสต์มาสขณะที่ทุกคนในโรงเรียนได้กลับไปใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ ก่อนที่หนังจะพาเราไปทำความรู้จักกับพื้นเพของแต่ละคน ซึ่งเมื่อมัดรวมกันแบบเร็วๆ เหตุผลที่พวกเขายังอยู่ที่นี่ก็มีต้นสายปลายเหตุมาจากการสูญเสียบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญไป 

 

ตัวละครในหนังของ Payne ยังคงเต็มไปด้วยความไม่เพียบพร้อมในชีวิต และพื้นหลังของของหนังซึ่งตั้งอยู่ในยุค 70 ก็กลายเป็นบรรยากาศที่คละคลุ้งไปด้วยความเจ็บปวดและเปล่าเปลี่ยว เมื่อการอยู่พร้อมหน้ากันบนโต๊ะอาหารกลายเป็นสถานที่ที่หนังเอามาใช้เป็นเครื่องมือที่คอยทับซ้อนกับชีวิตที่เว้าแหว่งของพวกเขา โดยเฉพาะ Paul กับ Angus ที่ดูไม่ค่อยจะลงรอยกัน แต่ยิ่งเวลาผ่านไปหนังก็ค่อยๆ เผยให้เห็นถึงพัฒนาการของพวกเขาที่มาพร้อมกับความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งมันถูกแสดงออกมาตอนที่ Paul ไปส่งลูกศิษย์ของตัวเองที่ต้องการจะไปหาพ่อ และตอนที่ Angus ช่วยอาจารย์ของเขาพูดคุยกับเพื่อนที่ประสบความสำเร็จมากกว่า  

 

 

ส่วน Mary แม้จะไม่ได้มีบทบาทบนจอมากเท่ากับสองตัวเอก แต่หนังก็เอาภูมิหลังอันอมทุกข์ของเธอมาขยายเรื่องราวที่ตั้งอยู่ในยุค 70 ซึ่งเป็นยุคที่เด็กหนุ่มจำนวนมากถูกส่งเข้าไปตายในสงครามเวียดนาม และลูกของเธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ที่น่าทึ่งคือ Payne วางตัวละครนี้เอาไว้อย่างชาญฉลาด ด้วยการให้ Mary แสดงความรู้สึกที่อยู่ข้างในตัวเธอผ่านสีหน้า แววตา และภาษากายเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งนั่นทำให้คนดูรับรู้ถึงอารมณ์ที่เธอพยายามจะเก็บงำมันเอาไว้โดยที่ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดๆ ออกมา 

 

ในทำนองเดียวกัน สิ่งที่ลูกของ Mary เจอก็อาจไปพ้องกับชีวิตของ Angus ที่หนังบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าหากเขาออกจากโรงเรียนเมื่อไร อนาคตที่จะรอชายหนุ่มอยู่ข้างหน้าก็คือโรงเรียนเตรียมทหาร ที่ในทางหนึ่งชะตากรรมเขาก็อาจลงเอยแบบเดียวกับลูกของเธอ โดยปริยาย The Holdovers จึงไม่ได้ว่าด้วยชีวิตของคนที่ไม่สมบูรณ์พร้อมเพียงอย่างเดียว หากแต่เกี่ยวโยงกับช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ทั้งในฐานะของการสำรวจและการได้มองดูมันอีกครั้ง 

 

 

มีช่วงหนึ่งที่หนังนำประวัติศาสตร์มาทาบทับกับชีวิตของตัวละคร มันคือตอนที่ Paul และ Angus ไปดูหนังที่ Orpheum Theatre ในบอสตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงมหรสพที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา โดยถูกสร้างขึ้นในปี 1852 และในปัจจุบันก็ยังคงถูกใช้งานอยู่ แต่สิ่งที่น่าสนใจอย่างแรกก็คือ เมื่อนานมาแล้วสถานที่แห่งนี้เคยถูกเรียกว่าเป็นโรงหนังชั้นหนึ่ง ซึ่งช่วงเวลาที่พวกเขาไปดูหนังก็เป็นช่วงที่โรงหนังดังกล่าวเริ่มที่จะสูญเสียสถานะนั้นไป

 

และอย่างที่สองคือ หนังเรื่อง Little Big Man (1970) ของ Arthur Penn ที่ถูกฉายอยู่บนจอ ซึ่งมีฉากหลังอยู่ในยุคที่ชาวอินเดียนแดงยังคงเผชิญหน้ากับการรุกรานของคนขาว แต่ที่ตลกร้ายคือตัวเอกของเรื่องที่นำแสดงโดย Dustin Hoffman นั้นเป็นคนขาวที่สูญเสียครอบครัวไปจากการปะทะกัน และคนที่เก็บเขามาเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ก็คือชาวอินเดียนแดง ทว่าชีวิตก็เหวี่ยงเขากลับไปในโลกของคนขาวอีกครั้งสลับกับโลกของคนพื้นเมืองไปมาตลอดทั้งเรื่อง ซึ่ง Hoffman เองก็สงสัยว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นคนของโลกไหนกันแน่ 

 

 

คำถามที่ติดอยู่ในใจของชายหนุ่มจึงเป็นภาพแบบเดียวกับสิ่งที่ตัวละครในเรื่องกำลังเผชิญ เมื่อการอยู่ในรั้วโรงเรียนช่วงคริสต์มาสไม่ได้หมายถึงแค่การกักขังเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงสิ่งที่ยังคงคั่งค้างอยู่ในใจของพวกเขาด้วย ทำให้ในแง่หนึ่งเรื่องราว The Holdovers เลยเป็นสิ่งที่ปลอบประโลมหัวใจอย่างเหลือล้น เพราะไม่มากไม่น้อยการปล่อยใจให้ล่องลอยไปตามชีวิตของตัวละครอย่างค่อยเป็นค่อยไปก็ทำให้เราเห็นถึงความสุขและแง่งามของมนุษย์ได้ไม่น้อยทีเดียว

 

แต่นอกจากสไตล์การทำหนังที่น่าชื่นชมของ Payne แล้ว ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยหากปราศจากทีมนักแสดงหลักสามคน อันได้แก่ Paul Giamatti ในบทบาทของ Paul Hunham, Dominic Sessa ในบทบาทของ Augus Tully และ Da’Vine Joy Randolph ในบทบาทของ Mary Lamb เพราะเคมีที่เข้ากันของทั้งสามคนคือส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ตัวละครในหนังสามารถถ่ายทอดความรู้สึกมาสู่คนดูได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะ Da’Vine Joy Randolph ที่การแสดงของเธอมีความลุ่มลึกเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าว่ากันตามตรง ความรวดร้าวที่ปริแตกออกมาจากตัวละครก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เธอก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่สุดของรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในปีนี้ 

 

อย่างไรก็ดี ถึงแม้เรื่องราวของครอบครัวชั่วคราวที่เรียนรู้อะไรบางอย่างจะไม่ได้ดูแปลกใหม่ แต่ The Holdovers กลับเป็นหนังที่มีเสน่ห์มาก ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะทุกคนต้องเคยมีมิตรภาพในแบบที่ตัวเองคาดคิด และที่สำคัญคือความสำเร็จของมันไม่ใช่แค่การเป็นหนังตลกอารมณ์ดี หากแต่เป็นการมองเห็นส่วนหนึ่งของตัวเองอยู่ในทั้งสามคนนั้น ซึ่งพอดูจบแล้วการเดินทางของพวกเขาก็อาจจะเติมเต็มชีวิตของเราด้วยเช่นกัน

 

The Holdovers เข้าฉายในไทยแล้วอย่างเป็นทางการที่ House Samyan

 

รับชมตัวอย่างได้ที่: https://www.youtube.com/watch?v=WrKp2Y0gVI8

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising